การทานอาหารในอิตาลี
จากเมืองใหญ่ไปยังเมืองขนาดเล็กสุดในอิตาลีคุณมีทางเลือกในการรับประทานอาหารอิตาเลียนท้องถิ่นที่หลากหลายสามารถจัดได้ให้เหมาะสมกับทุกงบประมาณลองมาดูกันว่าเราควรต้องรู้อะไรและเริ่มต้นแบบไหน
credit picture: http://www.nunzios.net/
ร้านอาหารในอิตาลีมีประเภทไหนกันบ้าง Osteria, Trattoria หรือ Ristorante ?
แม้ว่าในปัจจุบันความแตกต่างของสถานที่ประกอบการทั้ง 3 แบบนี้แทบจะไม่ต่างกันมากแล้วมันแต่เราก็ควรรู้ไว้หน่อยว่าสถานที่กินนอกบ้านที่อิตาลีนั้นร้านแบบดั้งเดิมมีอยู่กี่ประเภทเป็นแบบไหน
credit picture::http://www.roadtoitaly.com/
Osteria โอสเตเรีย ในอิตาลี ดั้งเดิมเป็นสถานที่ที่ให้บริการไวน์และอาหารที่เรียบง่ายแบบร้านอาหารในโรงเตี๊ยมพักแรมของคนเดินทางในยุคกลางที่โดยทั่วไปไม่มีเมนูที่จัดพิมพ์ไว้จะเขียนเอาบนกระดานดำว่าวันนี้เสริ์ฟอะไร ไม่มีอะไรให้เลือกมาก บริการเป็นกันเอง ไวน์ก็ส่วนใหญ่เป็นเกรด Vino da tavolo วีโนเดอตาโวโร (table wine) ที่ราคาอยู่ในระดับต่ำ สถานที่ไม่ได้แต่งอะไรว่ากันแบบพื้นๆ เจียมเนื้อเจียมตัว แต่อุดมสมบูรณ์เข้ามาแล้วไม่อด (ส่วนใหญ่เน้นสูตรอาหารประจำภูมิภาคหรือท้องถิ่นนั้นๆ) และหลายๆ แห่งจะเสิร์ฟสไตล์ครอบครัวราคาย่อมเยาว์ (แชร์โต๊ะใช้โต๊ะร่วมกัน) แทบจะเป็นอาหารแบบ homemade เพราะไม่ได้จ้าง chef มาจากไหน เจ้าของทำเองสูตรคุณแม่นั่นแหละ ถ้าเป็นเมืองใหญ่ก็จะเห็นอยู่ในตรอกซอยหรือถ้าเป็นหัวเมืองชนบทหมู่บ้านละก็คุณไม่ต้องไปหา Ristorante หรอกครับเข้า Osteriaไปเลย
ในช่วงหลังเปลี่ยนไปมากแล้ว มีการพัฒนาไปเน้นอาหารมากขึ้น แต่เมนูก็ยังสั้นๆ แบบให้ความสำคัญกับอาหารท้องถิ่น เช่นพาสต้า, เนื้อย่างหรือปลา และมักจะเสิร์ฟที่โต๊ะยาวที่ใช้ร่วมกัน เหมาะสำหรับการกินมื้อกลางวันราคาไม่แพง osterie ต่างๆ (พหูพจน์ในภาษาอิตาเลียน) ยังให้ความสำคัญกับมื้อเย็นหลังเลิกงานที่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางเครื่องดื่ม บางแห่งในเมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆ ลูกค้าจะได้รับอนุญาตให้นำอาหารของตัวเองเข้ามาได้อีกต่างหากก็เป็นเหมือนที่พบปะกันหลังเลิกงานเพื่อสังคมไม่ใช่เพื่ออวดรวยทำเท่ห์เหมือนลูกค้าภัตตาคาร (Ristorante) แต่ไม่เสมอไปแล้วในสมัยนี้ตัวอย่างเช่น Osteria ที่ดีที่สุดในโลกคือ Osteria Francescana โดยเจ้าของและผู้ดำเนินการคือพ่อครัวใหญ่ชื่อ Massimo Bottura ร้านนี้อยู่ใน Modena Italy. ล่าสุดในปี 2016 ติดอันดับ 1 ใน 50 ของร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Restaurant นิตยสารร้านอาหารที่ดีที่สุด ร้านนี้ได้เลื่อนชั้นจากตำแหน่งที่2ในปี 2015 และปี 2014
credit picture::http://www.magazinehorse.com/
และยังได้ระดับสามดาวโดย Michelin และเป็นอันดับแรกในคู่มืออาหารอิตาเลียนชื่อดังที่ชื่อ ' Espresso – Ristoranti d ’ Italia ด้วยคะแนน 19.75/20 เป็นการยืนยันว่า Osteria อาจจะดีกว่าทันสมัยกว่าและแพงกว่า Ristorante ก็ได้ขอให้จิตวิญญาณของมันก็ยังเน้นอาหารพื้นเมืองท้องถิ่นอยู่เท่านั้นเอง
ถ้าต้องการความดั้งเดิมและเก่าแก่คงต้องในเอมีเลีย (Emilia) มี Osteria อยู่สามแห่งที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีก็ว่าได้คือ "Osteria del Sole" และ "Del Osteria Cappello" ในโบโลญญาและ "Osteria al Brindisi" ใน Ferrara เปิดมาตั้งแตสมัยศตวรรษที่ 15
credit picture:http://66.media.tumblr.com/
Trattoria ตราดตอร์เรีย เป็นร้านอาหารอิตาเลียนอยู่ในย่านชุมชนส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัวที่ไม่ได้เน้นการรับประทานอาหารอย่างเป็นทางการเท่ากับ Ristorante ที่เป็นภัตตาคาร คือจะมีเมนูง่ายๆ ส่วนใหญ่มีพิมพ์ไว้จะเป็นการสั่ง a-la-carte ไวน์ก็จะมีแบบสั่งเป็นแก้วหรือ caraf (เหยือกไวน์) เป็น house wine หรือไวน์ที่อยู่ใน list 5-6 ตัวในแต่ละประเภท รินไวน์แบบไม่ต้องลองก่อนแก้วไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย เหมาะกับการมากินในหมู่เพื่อนฝูงเฮฮาได้ไม่ต้องเกร็งราคามิตรภาพมากินได้บ่อยๆ จะขอสั่งอาหารกลับบ้านก็ยังได้ที่คล้ายกับ Trattoria ก็คือ Pizzeria นั่นเอง แต่จะเน้นขายพิซซ่าและมักจะมีเตาอบที่ใช้ฟืนแบบดั้งเดิมอยู่ถ้าเป็นเตาอบไฟฟ้าธรรมดาๆ นั่นจะจัดอยู่ในร้าน Paninoteca ประเภทขาย Panini แซนวิชอิตาเลียนเป็นแบบ fast food ไปแล้ว
Credit picture:paradoxplace.com
Ristorante รีสตอรานเต้ ก็คือ restaurant หรือภัตตาคารนั่นเองมีความเป็นทางการหรูหราขึ้นมีการลงทุนอาจมีหลายหุ้นส่วนมักอยู่ตามโรงแรมหรือย่านชุมชนที่เป็นถนนสายหลักของเมือง (high street) มีรายการอาหารที่พิมพ์ไว้อย่างดีให้เลือกสั่งแบบset menu 3-5 course ที่ chef มักจะจัดชุดไว้ให้แล้วหรือจะสั่งแบบ a-la carte คือเลือกสั่งตามใจชอบ ส่วนไวน์ก็จะมี wine list ต่างหากเป็นเรื่องเป็นราวและสังเกตุง่ายๆ ก็คือมีแก้ว 2-3 แบบวางเรียงอยู่บนโต๊ะ เวลาเสิร์ฟไวน์จะมีการเสิร์ฟให้คนสั่งหรือคนเลือกไวน์นั้นชิมก่อนเสิร์ฟแขกคนอื่น และแน่นอนว่าเวลาเสิร์ฟไวน์บริกรจะไม่รินไวน์เกิน 1 ส่วน 3 ของแก้ว และแน่นอนว่าเราควรสั่งอาหารเป็น และทางภัตตาคารก็คาดหวังให้เราทานเป็น course ส่วนราคาอาจจะแพงหน่อยมี service charge และต้อง tip 10-15% ของบิล เหมาะสำหรับฉลองเทศกาล, วาระพิเศษ หรือพาแขกมาเลี้ยงเพิ่มเติมเรื่องสถานที่กินดื่ม
ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ควรรู้ให้ครบไปเลยครับยังมีชื่อแบบข้างล่างนี้ด้วย
Bruschetteria,บูรเกตแตเรีย ( Hosteria, Bacaro) ร้านอาหารที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในเรื่องบรูส์เกต้า bruschetta เป็นแซนวิชเปิดหน้าของอิตาลีหรือมักเน้นเสิร์ฟอาหารประเภท antipasto ซึ่งมักจะมีความหลากหลายทั้งแบบปรุงสุกและแบบเย็นและมักจะเสิร์ฟมาบนเขียงหรือกระดานไม้ มันมีความก้ำกึ่งอยู่ระหว่างไวน์บาร์กับ Osteria บ้างก็เรียก Hosteria หรือ ถ้าเป็นทางเหนือโดยเฉพาะในเวนิสจะเรียกชีเก็ตตี้บาร์ cicchetti bars มันก็คือไวน์บาร์ตามแบบ Venetian ดั้งเดิมบ้างเรียกว่า Bacaro บากาโร่ ซึ่ง antipasto ของเวนิชนั้นจะเน้นหน้าอาหารทะเลเป็นหลัก
Enoteca (พหูพจน์ : Enoteche)อินโนเทกา เป็นคำภาษาอิตาเลียนมาจากภาษากรีกคำว่า Οινοθήκη ซึ่งหมายความว่า "ที่เก็บไวน์" มันก็คือไวน์บาร์นั่นแหละไม่เน้นอาหารอาจมีแค่ antipasto อาหารเรียกน้ำย่อยหรือกับแกล้มแบบไม่ต้องปรุงสุก เช่น assorted cold cut หรือ cheese ที่เอาออกมาจากตู้เย็นมันคือร้านขายไวน์ท้องถิ่นหรือภูมิภาคทั่วไปในอิตาลีที่มีบริเวณให้ เปิดขวดและนั่งกินได้มีหรืออาจไม่มีบริกรมักเป็นเจ้าของร้านนั่นแหละทำทุกอย่างแต่คุณสมบัติที่สำคัญคือผู้ดูแลต้องรู้เรื่องไวน์เป็นอย่างดีแนะนำได้ไม่มั่ว แนวคิดของ Enoteca ยังได้แพร่กระจายไปยังยุโรปประเทศอื่นๆ Enoteca มักจะร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกหรือเจ้าของไร่องุ่น หรือองค์กรการท่องเที่ยวในหมู่บ้านหรือภูมิภาค เหตุผลที่สถานประกอบการดังกล่าวได้รับชื่อที่หมายความว่า "ห้องสมุดไวน์" ก็อาจเป็นว่าพวกเขาตั้งใจจะให้เป็นแหล่งที่มาของข้อมูลเกี่ยวกับไวน์ท้องถิ่นมากกว่าถือเป็นวัตถุประสงค์หลักสำหรับการกระจายหรือเผยแพร่ไวน์ท้องถิ่นนั่นเอง Enoteca ในฟลอเรนซ์เช่นที่ Antinoriเปิดบริการแนะนำไวน์ Chianti มานานกว่าศตวรรษแล้ว Enoteche ยังมีการแพร่กระจายไปทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ในออสเตรียภายใต้ชื่อภาษาเยอรมันคือ Vinothek และจากออสเตรียไปยังประเทศเยอรมนี
Caffe/Bar คาเฟ่/บาร์ ให้บริการกาแฟ soft drinks น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยปกติแล้วถ้าเน้นขายกาแฟจะเปิดตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าไปจนถึงเวลา 4 ทุ่ม อาหารที่มีเสิร์ฟจะเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่างที่ทานได้ตลอดวันเช่น croissants ขนมปังต่างๆ (มักเรียกว่า 'brioche'บริโอกิ ในทางเหนือของอิตาลี) panini,ปันนินี่ tramezzini ตราเมซซินี่ ( แซนด์วิชอิตาเลียน ) และ spuntini สปุนทีนี่(อาหารว่างแบบเบาๆ เช่น olives, frittata)
Gelateria มันคือร้านไอติม Gelato และบางครั้งจะมีกาแฟและขนมขายด้วย