top of page

C ตัวที่ 1 คือ cattle(ต่อ) สายพันธุ์วากิว Part II

คราวที่แล้วเราพูดถีงที่มาของ Wagyu วากิว ซึ่งมีความหมายว่า "วัวเนื้อญี่ปุ่น" และประว้ติศาสตร์การบริโภคเนื้อของญี่ปุ่นที่เริ่มใน ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ในช่วงยุคราชวงศ์เมจิ ที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศและเปิดรับ นวัฒตกรรมจากโลกตะวันตกรวมทั้งโปรแกรมการปรับปรุงพันธุ์วัวท้องถิ่นของพวกเขา วัวญี่ปุ่นพื้นเมืองพันธุ์ผสมกับสายพันธุ์ยุโรปรวมทั้งบราวน์สวิส Shorthorn และเดวอน.ทำให้เกิดสายพันธุ์ Wagyu ที่ได้มาตรฐานถึง4สายพันธุ์ได้แก่วัว Akaushi (ญี่ปุ่นแดง / สีน้ำตาล) Kuroushi (ญี่ปุ่นสีดำ), ญี่ปุ่น Shorthorn และทาจิมะTajima เป็นสายพันธุ์ของสีดำญี่ปุ่นสายพันธุ์ที่มีประชากรมากที่สุด (ประมาณ 90% ของทั้งสี่สายพันธุ์). คราวนี้เราจะพูดถึงสุดยอดของเนื้อวากิวมาจากไหนวัดกันจัดอันดับกันอย่างไร ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

การจัดเกรดเนื้อวัวญี่ปุ่น การจัดเกรดเนื้อวัวญี่ปุ่น จะพิจารณาจากปัจจัย 2 ประการ คือ

  1. อัตราการให้เนื้อ คือ อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างน้ำหนักของวัวทั้งตัว กับน้ำหนักของเนื้อวัว ที่ไม่รวมกระดูก เครื่องใน และหนัง ซึ่งหากมีอัตราสูง ก็แปลว่า มีอัตราการให้เนื้อในปริมาณที่มาก โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ A (สูงสุด) และ B และ C (ต่ำสุด) ตามลำดับ

  2. คุณภาพเนื้อ ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 4 ข้อ คือ

  3. ลายไขมัน เป็นการวัดปริมาณฟองไขมัน (Shimo furi) ในอณูเนื้อแดงว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยใช้มาตรฐาน BMS (Beef Marbling Standard) เป็นเกณฑ์ในการวัด ซึ่งมีตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 12

  4. สีของเนื้อ เป็นการวัดสี และการสะท้อนแสงของเนื้อ ว่ามีความสวยงามน่ารับประทานเพียงใด โดยใช้มาตรฐาน BCS (Beef Colour Standard) เป็นเกณฑ์ในการวัด

  5. ความแน่น และละเอียดของเนื้อเยื่อ หากมีเนื้อที่มีเส้นไยที่ละเอียดและจัดเรียงตัวกันแน่น จะเป็นเนื้อที่มีความนุ่ม

  6. สีและคุณภาพของไขมัน ไขมันจะต้องเป็นสีขาวหรือชมพู มีการสะท้อนแสง และมีคุณภาพดี ใช้มาตรฐาน BFS (Beef Fat Standard) เป็นเกณฑ์ในการวัด

ซึ่งเมื่อพิจารณาจากหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อนี้แล้ว จึงจะกำหนดคุณภาพของเนื้อ เป็น 5 ระดับ ตั้งแต่ 5 (สูงสุด) จนถึง 1 (ต่ำสุด)

ดังนั้น เมื่อนำอัตราการให้เนื้อ (3 ระดับ) และคุณภาพเนื้อ (5 ระดับ) มารวมเข้าด้วยกันแล้ว จะสามารถจัดเกรดของเนื้อวัวญี่ปุ่นได้เป็น 15 ระดับ เช่น A5, A4, B5, B4 เป็นต้น ซึ่งตามปกติ เนื้อวัวญี่ปุ่นที่จัดอยู่ในเกรดสูงสุด คือ A5 จะมีเพียงประมาณ 15% เท่านั้น จะเห็นว่าความสำคัญและความแตกต่างของเนื้อวากิวก็ตรงลักษณะที่สำคัญที่สุดของเนื้อวัวญี่ปุ่น ซึ่งก็คือลายหินอ่อนหรือส่วนสีขาวของไขมันในเนื้อสัตว์ที่เรียกว่า”ซาชิ”ในภาษาญี่ปุ่น Sashi สลับระหว่างชั้นของเนื้อแดงและลาย หิน อ่อนนี้ ซึ่งผลก็คือมันทำให้เนื้อแทบจะเหมือนละลายในปากของคุณ รวมทั้งระบบการจัดลำดับเนื้อวัวในประเทศส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสัดส่วนปริมาณไขมันหินอ่อนนี่แหละครับ ในสหรัฐอเมริกา, เนื้อวัวที่ดีจะต้องมี 6-8% ของปริมาณไขมันหินอ่อนจึงจะมีคุณสมบัติที่สูงที่สุดคือได้เกรด USDA Prime แต่เพื่อให้บรรลุระดับคุณภาพสูงสุดสำหรับวากิว (A5) ต้องมีอย่างน้อย 25%ของปริมาณ ไขมันหินอ่อน ในขณะที่มันอาจจะทำให้เนื้อนุ่มมากขึ้นและมีรสชาติแต่ว่าปริมาณไขมันที่สูงมันต้องไม่ดีสำหรับคุณใช่มั้ย? ผิดนะ เพราะไขมันในเนื้อวัวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ไช่ไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นไขมัน 'เลว' LDLคอเลสเตอรอล! ไขมันของเนื้อวากิวยังมีจุดหลอมเหลวต่ำมากแค่ 77 F ทำให้เนื้อแทบจะละลายในปากของคุณ สเต็กคุณภาพสูงสุดเกรด A5 วากิวสามารถเรียกเงินได้ $ 500 ต่อชิ้นหรือมากกว่าในโตเกียว

กว่าจะมาเป็นเนื้อวัวที่แสนอร่อย

การเลี้ยง ดูแลที่ดีจะนำไปสู่ลายหินอ่อนที่มหัศจรรย์ โคจะถูกเลี้ยงด้วยอาหารธัญพืชที่มีคุณภาพสูง และแต่ละค่ายยังมีลูกเล่น ส่วนผสมลับเช่นถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง (ผลพลอยได้จากการทำเต้าหู้) น้ำยังเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในอาหารวัวและน้ำแร่ท้องถิ่นมักจะใช้เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดเพื่อ ให้พวกโคอยากอาหารในช่วงฤดู​​ร้อนที่ร้อนจัด การป้อนเบียร์เป็นการกระตุ้นให้อยากอาหารและช่วยระบบย่อยของมันประโยชน์อย่างอื่นเช่นการสร้างไขมันด้วยหรือเปล่าเพราะขนาดคนที่เป็นคอเบียร์ยังสะสมไขมันขนาดนั้น แม้ว่าในช่วง 100-200วัน หลังก่อนนำออกจำหน่ายจะถูกเลี้ยง โดยการเข้าคอกขุน แต่พวกมันจะถูก นำออกไปข้างนอกสำหรับการเดินเล่นสบาย ๆ ในช่วงบ่ายที่จะได้รับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์และยังมีการนวดขัดด้วยเหล้าสาเกพ่นด้วยการสเปร์ยตามตัวและถูด้วยแปรงมือหรือฟางซึ่งเป็นการช่วยปรับ สมดุลของการกระจายของเนื้อหาหินอ่อนนอกเหนือไปจากการรักษาเหาและเห็บออกไป เพื่อ ให้มั่นใจว่าวัวของพวกเขาอยู่แบบผ่อนคลาย อาจไม่ได้ทำทุกตัวแต่ถ้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ละก็แน่นอนว่าจะได้ฟังเพลงclassicผ่อนคลายสลับด้วย เบียร์, นวด, เดินเล่นช่วงบ่าย, น้ำแร่, แบบเอาใจกันสุดๆ!

สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับเนื้อวากิว ชั้นดีของญี่ปุ่น (**อาจมีส่วนหนึ่งที่เป็นเรื่องการตลาดอยู่บ้าง)

  • วัวที่มีการเลี้ยงด้วยธัญญาพืชและมีการนวดและแปรงขนโดยมีการพ่นตัวด้วยเหล้าสาเกก่อน

  • จุดหลอมเหลวของไขมันของเนื้อโกเบ (วัว Tajima) ต่ำกว่าเนื้อไขมันของวัวอื่นๆทำให้ทานแล้วเหมือนละลายในปาก (มันละลายที่ 77 องศาฟาเรนไฮต์)

  • เนื้อวากิวจะมีปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวสูง และก็มีระดับกรดโอเลอิกสูงดีต่อหัวใจเหมือน กรดไขมันในน้ำมันมะกอกและน้ำมันคาโนลาที่ได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยลดคอเลสเตอรอลLDLที่ไม่ดีได้

  • วัว Tajima จะขุนให้อ้วนนานถึงประมาณ 26-32 เดือนจึงส่งจำหน่ายต่างจาก สำหรับวัวเนื้อในอเมริกาจะส่งจำหน่ายเมื่ออายุประมาณ 18 เดือน

  • เป็นส่วนหนึ่งของราคาที่สูงเป็นเพราะเพียงประมาณ 3,000 หัววัวอาจมีคุณสมบัติเป็นโกเบ ในประเทศญี่ปุ่นวัวทั้งหมดไม่เพียง แต่ผู้ที่จบลงเช่นเนื้อโกเบสามารถติดตามได้ผ่านทางหมายเลข 10 หลักผ่านขั้นตอนของวงจรชีวิตทั้งหมด

  • ก่อนที่จะปี 2012 เนื้อโกเบไม่มีการส่งออกจากญี่ปุ่นเพราะจำกัดการบริโภคไว้ภายในประเทศก็แทบไม่พอเพียงแล้ว จนกระทั่งในเดือนมกราคมปี 2012 ก็เริ่มมีขายในมาเก๊าแล้วไปยังฮ่องกงในเดือนกรกฎาคม 2012 แล้วจึงมีการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, ไทย และแคนาดา.

สุดยอดเนื้อวัวของญี่ปุ่นและของโลก

วัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ ได้ถูกนำไปเลี้ยงในจังหวัดต่างๆ ด้วยวิธีการเลี้ยงที่แตกต่างกัน และมีชื่อเรียกขานที่แตกต่างกันออกไปกว่า 100 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิด จะมีรสชาติ และลักษณะเด่นแตกต่างกันไปด้วย ในบรรดาวัวหลากหลายชนิดต่างๆ เหล่านี้ วัวชนิดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดมี 3อันดับแรกตามลำดับTop 3 ที่รู้จักกันว่า Sandai Wagyuu หมายถึง"สาม(เนื้อ)ใหญ่" หรือที่มีดาวแดงในรูปข้างบนคือ เนื้อวัวมัทซึซากะ ( Matsusaka gyuu),เนื้อวัวโกเบ (Koube gyuu) และเนื้อวัวโอมิ Omi Beef ซึ่งกำหนดนิยาม ไว้ดังนี้

I. เนื้อ Matsuzaka คนญี่ปุ่นลงความเห็นว่า เนื้อ Matsuzaka คือเนื้อที่​​ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเนื้อ Matsuzaka มีราคาแพงที่สุดและถือว่าเป็นเนื้อที่ผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคเนื้อมากๆจะยอมลงทุนจ่ายงินเพื่อได้ลองมัน มันเป็นเนื้อจากโคสาวบริสุทธ์ที่ เติบโตในพื้นที่ที่เงียบสงบรอบ Matsuzaka ในจังหวัดมิเอะก่อนที่จะนำไปจำหน่าย มันจะถูกฟูมฟักถูกประคบประหงม แบบบูชา เลยทีเดียว คนที่ได้ชิมเนื้อมัน บอกได้คำเดียวว่าเหมือน “ซาบซึ้ง” ในรสพระธรรม มันเป็นที่รู้จักสำหรับปริมาณไขมันสูงและรูปแบบหินอ่อนลักษณะที่เข้าขั้นงาน ศิลปะ, เนื้อ Matsuzaka มีความอุดมไปด้วยรสเนื้อและเริ่มที่จะละลายทันทีที่เข้ามาในปากของคุณเนื้อนี้จะหายากนอกของเมืองใหญ่เพราะผลิตเพียงจำนวน จำกัด หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและต้องการสั่งซื้อ Matsuzaka นี้เว็บไซต์ญี่ปุ่นขายหลากหลายเกรดบางเจ้ามีราคาถึง 10,000 เยนสำหรับ 150 กรัมของเกรด A5สำหรับวัว Matsuzaka ทั้งตัวค่าใในปี 1989 มีสถิติที่แพงที่สุดก็ขายกันที่ $ 392,000...เท่านั้นเอง ฝรั่งถึงกับอุทานว่า “holy cow!” ( วัวศักดิ์สิทธิ์!? ไม่ใช่หรอกครับมันเป็น version แบบสุภาพของHoly sh_t! ต่างหาก)

สนนราคาเนื้อวัวที่แพงที่สุดในโลก

วัวมัทซึซากะที่มีอายุ 2.5 - 3 ปี ซึ่งเหมาะกับการบริโภค จะมีน้ำหนักตัวประมาณ 600 - 700 กิโลกรัม โดยจะให้เนื้อที่มีคุณภาพดีประมาณ 150 กิโลกรัม แต่ในจำนวนนี้ จะมีส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุด คือ เนื้อสันใน (ฟิเลต์มิยอง หรือเทนเดอร์ลอยด์) เพียงประมาณ 3 กิโลกรัม และเนื้อสันนอก (เซอร์ลอยด์) ประมาณ 10 กิโลกรัม และบริเวณอื่นที่เหมาะสำหรับทำเป็นสเต๊ก อีกประมาณ 40 กิโลกรัมเท่านั้น ดังนั้น สเต๊กเนื้อวัวมัทซึซากะและเนื้อวัวโกเบ เกรด A5 จึงมีราคาแพงมาก ร้านขายเนื้อวัวมัทซึซากะแห่งหนึ่งในจังหวัดมิเอะ ซึ่งทำฟาร์มเลี้ยงวัวเอง ได้กำหนดราคาขายปลีก สำหรับเนื้อวัวมัทซึซากะของร้าน ไว้ดังนี้

เนื้อสเต๊ก ราคาสูงสุด 15,000 เยน หรือ 5,400 บาท (ต่อ 100 กรัม)

เนื้อสุกิยากิ ราคาสูงสุด 6,500 เยน หรือ 2,300 บาท (ต่อ 100 กรัม)

เนื้อชาบูชาบู ราคาสูงสุด 6,500 เยน หรือ 2,300 บาท (ต่อ 100 กรัม)

เนื้อย่าง Yaki niku ราคาสูงสุด 2,400 เยน หรือ 860 บาท (ต่อ 100 กรัม)

จาก ข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการเลี้ยงวัวมัทซึซากะ พบว่า วัวมัทซึซากะ ที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ชื่อว่า โยชิโทโย น้ำหนักตัว 678 กิโลกรัม ส่วนสูง 1.31 เมตร รอบอก 2.29 เมตร ถูกประมูลซื้อไปในราคา 50 ล้านเยน หรือประมาณ 18 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤศจิกายน พศ. 2545 ซึ่งหากคำนวณว่า วัวตัวนี้ให้เนื้อ 150 กิโลกรัม ก็จะเท่ากับว่า เนื้อของวัวตัวนี้ จะมีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 120,000 บาท ไม่นับส่วนที่เป็นเนื้อสันในหรือสันนอก ที่คงต้องแพงกว่านี้อีก 2-3 เท่าตัว สมควรที่จะเรียกได้ว่าเป็นเนื้อวัวที่แพงที่สุดในโลกอย่างแท้จริง

II.เนื้อโกเบ Kobe Beef เป็นต้นตำหรับเจ้าแรกที่ทำให้เนื้อแบบวากิวของญี่ปุ่นดังไปทั่วโลกเพราะคุณสมบัติลายหินอ่อนที่แผ่ไปทั่วทุกอณูของชิ้นเนื้อ และรสชาติที่หลากหลาย เนื้อโกเบคือเจ้าแรกที่ มีการเอาวัวมาขุนตามกรรมวิธีที่ไม่เคยมีใครทำ เช่นให้ฟังเพลงclassicผ่อนคลายสลับด้วย เบียร์, นวด, เดินเล่นช่วงบ่าย, น้ำแร่, แบบเอาใจกันสุดๆ ทำให้วากิว ขึ้นบนแผนที่โลกและเป็นที่เข้าใจตรงกันว่ากระแสความนิยมเนื้อวัวญี่ปุ่นมาจาก เนื้อโกเบ นี่เอง คุณสมบัติของเนื้อโกเบก็คือต้องเป็นวัวทาจิมะที่ถูกเลี้ยงและล้มในจังหวัด Hyogo สถานที่ตั้งอยู่ในเมืองโกเบ วัวเหล่านี้จำเป็นต้องมีอัตราส่วนหินอ่อนระดับอย่างน้อย 6 (จากทั้งหมด12ระดับ)เป็นเนื้อสัตว์คะแนนคุณภาพของ A หรือ B และน้ำหนักต่ำกว่า 470 กิโลกรัม เพื่อที่จะได้เรียกว่าเนื้อโกเบเนื้อยังต้องมาจากวัวตัวผู้ที่ถูกตอนแล้วหรือวัวเวอร์จินประหนึ่งว่าจะให้เนื้อบริสุทธิ์นั่นเองหาก คุณอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและต้องการที่จะซื้อเนื้อโกเบ, ห้างสรรพสินค้า Mitsukoshi ขายอยู่ สำหรับขนาด 870 กรัม ก็ตก ¥ 31,500 ($ 170 ต่อปอนด์) หรือคุณสามารถสั่งซื้อที่มีคุณภาพเนื้อโกเบ A5 จากเว็บไซต์ ญี่ปุ่นเท่านั้น

III. เนื้อโอมิ Omi Beef

ตามตำนานที่เล่ากันมา เนื้อโอมิ เป็นเนื้อที่ถวายท่านโชกุน เพื่อรักษาพระวรกายจากอาการป่วย

เนื้อโอมิ เป็นวากิวที่คนรู้จักกันไม่มากนัก แต่ความอร่อยของเนื้อโอมิที่มาจากจังหวัดชิงะ Shiga ไม่เป็นรองใคร แม้ จะเคยเป็นเนื้อวัวที่ถูกต้องห้ามในประเทศญี่ปุ่นจนกระทั่ง140 ปีที่ผ่านมาเพราะจะถูกกันไว้ถวายโชกุนและขุนนางศักดินา "เพื่อการบำรุงรักษาสุขภาพ" มันไม่เกี่ยวกับการที่มันมีรสชาติที่ดีเลย

เราจะต้องจ่ายประมาณ¥ 8,500 ($ 90) สำหรับ180 กรัมของเนื้อสันนอกโอมิ ($ 250 ต่อปอนด์) - ถ้าคุณอยากลองก็คุณสามารถสั่งซื้อออนไลน์จากเว็บไซต์ญี่ปุ่นได้

แต่หากท่านต้องการวัวพื้นเมืองญี่ปุ่นแท้ที่ไม่เคยถูกผสมข้ามพันธุ์กับพันธุ์ตะวันตกเลยต้องนี่เลยครับ

เนื้อมิชิมะ Mishima Beef

เนื้อมิชิมะเป็นเนื้อที่หายากมากมันมาจากเกาะเล็ก ๆ ชื่อมิชิมะอยู่ส่วนปลายทางตอนใต้ของฮอนชู มันแตกต่างจากเนื้อวัวโกเบซึ่งมาจากการผสมข้ามพันธุ์วัวญี่ปุ่นกับสายพันธุ์ ยุโรป โคมิชิมะเป็นสายพันธุ์ดั่งเดิมที่นำเข้ามาประเทศญี่ปุ่นจาก เกาหลีกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นสายพันธุ์บริสุทธิ์ หนึ่งในเหตุผลที่เกษตรกรในท้องถิ่นสามารถที่จะป้องกันไม่ให้มีการผสมข้ามพันธุ์ก็เป็นเพราะการที่ตั้งที่เป็นเกาะ ราคาช่วง"บล็อกท้อง" ของเนื้อ Mishima นั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลคือ 13,600 เยนต่อกิโลกรัม ($ 73 ต่อปอนด์) ในขณะที่ สเต็กเนื้อสันนอกจะเสียค่าใช้จ่าย 15,000 ¥ ต่อ 450 กรัม

นอกเหนือจากที่กล่าวมาด้านบนเดี๋ยวนี้มีวากิวที่คุ้มแบบvalue for money ที่ควรลองครับอ่านด้านล่างนี้ต่อไปเลย

การพัฒนาทำให้เกิดเนื้อวากิวจากเขตต่างในญี่ปุ่น เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคเพราะฟาร์มโคสมัยใหม่ก็อยากแต่จะทำเนื้อราคาแพงขายกันหมดดังนั้นไม่ใช่ว่าในญี่ปุ่นนั้นมีวากิวแค่4-5ชนิดแต่มันมีให้เลือกเยอะแบบ สินค้า OTOP หรือไวน์ ในยุโรป ที่แต่ละเขตแต่ละพื้นที่ก็จะมีของดีของท้องถิ่นนั่นแหละครับข้อดีก็คือมันเกิดการแข่งขันด้านราคาทำให้ผู้บริโภคจ่ายน้อยลง

เนื้ออิชิกากิ Ishigaki Beef

เนื้ออิชิกากิมาจากทางตอนใต้ของเกาะอิชิกากิในจังหวัดโอกินาวา เนื้ออิชิกากิมีขายทั่วเกาะอิชิกากิและทั่วจังหวัดโอกินาวา คนที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ประมาณ 15,000 เยนต่อกิโลกรัมจากทางเว็บไซด์

เนื้อนางาซากิ (Nagasaki beef) เป็นนื้อวัวจากเมืองฮิราโดะ จังหวัดนางาซากิ ได้รับรางวัลเนื้อที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 2012 โดยเป็นวัวที่ได้จากการเลี้ยงแบบปล่อย ถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากสถานที่แวดล้อมสวยงามเป็นธรรมชาติ มีอากาศอบอุ่นในฤดูร้อน และเย็นสบายในฤดูหนาว เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในการขุนวัว [if !supportLineBreakNewLine] [endif]

เนื้อวัวฮากาตะ Hakata beef

ย่านฮากาตะอยู่แถวฟูกูโอกะ เกษตรกรผู้ผลิตฮากาตะวากิว จะต้องฟูมฟักมันประมาณ 20 เดือนเพื่อให้เข้าลักษณะที่ประเมินได้อย่างต่ำเกรด 3 จึงขายเป็น Wagyu ฮากาตะได้ เนื้อวัวฮากาตะวากิวเป็นที่นิยมเนื่องจากความอ่อนนุ่มและรสชาติฉ่ำและราคาต่ำกว่าเนื้อโกเบอยู่พอควร

ภาพรวมของฮากาตะวากิว 1. มีการให้อาหารด้วยฟางข้าวเนื่องจาก ฟุกุโอกะเป็นพื้นที่แหล่งผลิตข้าวอยู่แล้วทำให้วัวได้และกินฟางข้าวที่มีคุณภาพช่วย ให้การควบคุมสุขภาพของวัวและการผลิตมีความปลอดภัยได้มาซึ่ง คุณภาพเนื้อที่สูง 2. ในการเลี้ยงขั้นตอนสุดท้ายมีการพัฒนาของอาหารที่ดีที่สุดที่เหมาะสม กับวัว ฮากาตะ Wagyu โดยเฉพาะโดยนำ ธัญพืชมาผสมกันเช่นข้าวโพด,ข้าวสาลีเพื่อผลิตเนื้อวัวที่มีคุณภาพ 3. มูลของโคฮากาตะ Wagyu ถูกส่งกลับไปนาข้าวเพื่อเป็นปุ๋ยและวัววากิวฮากาตะก็จะถูกป้อนด้วยฟางข้าวที่ผลิตในนาดังกล่าว ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร 4. ฮากาตะ Wagyu มีโปรโมชั่นที่เน้นการส่งมอบคุณภาพเนื้อที่มีความปลอดภัยให้ กับผู้บริโภค โดยผู้บริโภคสามารถเช็คกลับดูว่าเนื้อชิ้นนี้ผลิตจากวัวตัวไหนไร่อะไรอายุเท่าไรเลี้ยงด้วยอะไรส่งออกจากไร่เมื่อไรมาวางขายเมื่อไร? เป็นระบบเหมือน tracking system ของการส่งไปรษณีย์ทางอากาศสมัยใหม่เลยทีเดียว

รายละเอียดข้อมูลที่ลูกค้าสามารถดูได้ “ TRACEABILITY ’’ of Hakata Wagyu

ลุกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลต่อไปนี้ 1. หมายเลขประจำตัวของวัวแต่ละตัว 2. วันเกิดของวัว 3. เพศของวัว 4. หมายเลขประจำตัวฟาร์มที่เลี้ยง 5. สายพันธุ์ของวัว 6. พื้นที่ปลูก (จังหวัด)

7. ขั้นตอนการย้ายออกจากฟาร์มไปโรงฆ่าสัตว์ 8. ชื่อของโรงฆ่าสัตว์

มีการจัด เทศกาล"ฮากาตะ Wagyu" ที่เมือง Marinoa มีการนำ "ฮากาตะวากิว" มาจาก 53 ฟาร์มในฟุกุโอกะ – มีบางส่วนที่ได้รับรางวัลคุณภาพ มี การทดสอบความรู้เนื้อซึ่งคุณอาจจะชนะรางวัลในการตอบคำถามเกี่ยวฮากาตะวากิวหรือถ้าไม่รู้เยอะก็ไป คาคเดาน้ำหนักของชิ้นเนื้อวากิวฮากาตะ ทายถูกหรือไกล้เคียงก็ได้กินฟรี หากคุณเป็นคนที่รักการรับประทานเนื้อละก็ความสุขในเมนูของฮากาตะวากิวมีอยู่ในเทศกาลนี้ – ราคารวมการปรุงเสร็จแบบย่างไม่แพงเลย

เนื้อวากิวหรือ "โกเบสไตล์" ในประเทศอื่น

เนื่องจากวัววากิวในญี่ปุ่นมีราคาแพงมากและมีปริมาณไม่เพียงพอสำหรับตลาดมันจึงมีความพยายามทำการผลิตในประเทศอื่นๆบ้างเพื่อให้ได้ปริมาณและกดต้นทุนได้ถูกลงราคาถูกลง(economy of scale) แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่วากิวแท้ มันเป็นสายพันธุ์ผสม และการเลี้ยงดูก็แตกต่างด้วย

ประเทศอื่นพยายามจะขอน้ำเชื่อและขอเคล็ดลับในการเลี้ยงแต่ญี่ปุ่นไม่ยอมแบ่งให้ที่อื่นง่ายๆ เพราะไม่ใช่ว่าวัวที่เลี้ยงเพื่อให้มาเป็นเนื้อโกเบหรือเนื้อมัตซึซากะทุกตัวจะได้อัตราไขมันต่อปริมาณเนื้อหรือ BSMในระดับที่สูงกว่า6ทุกตัว เพราะในวันประมูลเนื้อจะมีคณะกรรมการตรวจและประทับตราว่าโครงวัวตัวไหนได้ระดับเท่าไรถ้า6-12จึงได้ตราประทับว่าเป็นเนื้อโกเบในขณะที่ระดับ 12 จะได้ราคาต่อกิโลสูงสุด ดังนั้นปีๆนึงอาจมีวัวที่ติดเกรดโกเบแค่3-4000ตัวแค่นั้นจึงไม่เพียงพอที่จะส่งออก จริงๆแล้วถูกห้ามไว้จนกระทั่งมีความพยายามลักลอบเอาน้ำเชื้อของวัวญี่ปุ่น(Wagyu)ไปให้วัวในอเมริกาหรือยุโรปอุ้มบุญหรือฝากตัวอ่อน จริงๆแล้วเหตุการณ์เกิดเพราะการส่งน้ำเชื้อไปวิจัยที่แลปในฮอลแลนด์ซึ่งถือว่าเก่งเรื่องเลี้ยงวัวที่สุดประเทศหนึ่งแต่มักจะเป็นวัวนมเช่นพันธุ์ Frisianปรากฏว่าน้ำเชื้อถูกลักลอบไปยังฟาร์มดังต่างๆเช่นฟาร์มเครชเช่อร์ในอเมริกา ปัจจุบันจึงมีเนื้อวากิยูของอเมริกา วากิยูของออสเตรเลีย วากิยูของสวีเดน ซึ่งโดดเด่นด้วยปริมารไขมันแทรกหรือmarblingเหมือนของญี่ปุ่น ที่เจ๋งก็คือ ชาวญี่ปุ่นเองก็นิยมกินเนื้อวากิยูจากประเทศเหล่านี้โดย import เข้าไปเพราะราคาถูกกว่าที่ผลิตในประเทศเนื่องจากพื้นที่การเกษตรของญี่ปุ่นค่อนข้างจำกัดเลี้ยงได้ปริมาณน้อยกว่าต้นทุนสูงกว่า แต่ที่ออสเตรเลียหรืออเมริกานั้นพื้นที่ทำ mass productionได้ วัววากิยูในอเมริกาบางฟาร์มยังมีการผสมกับแองกัสเพื่อให้ได้รสชาติแบบอเมริกันมากขึ้น คงอยากเอาไปทำเบอร์เกอร์ด้วยละมั้ง อย่างไรก็เนื้อวากิยูที่ผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อว่า Matsusaka ,Kobe หรือเนื้อโอมิ Ōmi Yonezawa นะครับ

ออสเตรเลีย

ที่ออสเตรเลียมี สมาคมWagyu เป็นสมาคมสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น. มีทั้งแบบสายพันธุ์แท้ fullblood และวัว Wagyu ผสมข้ามพันธุ์มีการเลี้ยงในประเทศออสเตรเลียสำหรับตลาดในประเทศและต่างประเทศรวมถึงไต้หวัน, จีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี , เดนมาร์กและสหรัฐอเมริกา วัวออสเตรเลียวากิวจะเลี้ยงด้วยธัญญาพืชในช่วงสุดท้ายคือในช่วง 300-500 วันของการผลิต. ว่ากันว่าคอกในแถบในออสเตรเลียตะวันตกลุ่มแม่น้ำมาร์กาเร็ตมักจะเลี้ยงด้วยไวน์แดงด้วย

สหรัฐอเมริกา

ประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะพยายามสร้าง เนื้อ "โกเบสไตล์" โดยนำวัวญี่ปุ่น Wagyu มาผสมกับวัวแองกัสเพื่อตอบสนองความต้องการ ฟาร์มในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีความพยายามที่เลี้ยงแบบประเพณีของ โกเบ. จากเริ่มต้นวัววากิวนำเข้าครั้งแรกในปี 1970 ที่ประมาณ 150 ตัวปัจจุบันนี้มี วัว Wagyuนับหมื่นแล้ว เนื้อ สัตว์ที่ผลิตโดยการผสมข้ามสายพันธุ์นั้นแตกต่างจากเนื้อวัวโกเบ "ของแท้" เพราะมันคือการออกแบบให้ตรงความต้องการของตลาดตะวันตกที่นิยมการบริโภคสเต็คแบบหนักแน่นกว่าของญี่ปุ่นนั่นเอง ดังนั้นเนื้อโกเบสไตล์ของอเมริกาจึงมีรสชาติที่พวกเค้าคุ้นเคยราคาไม่แพงมากและ เนื้อวัวมักจะมีเนื้อสีเข้มและโดดเด่นกว่าเนื้อวากิวแท้ที่มักจะมีสีซีดกว่า อย่างไรก็ตามบางฟาร์มก็ยังมี ของแท้ คือใช้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ Wagyu ในสหรัฐมีสายเลือดเต็มสืบเชื้อสายโดยตรงจากสายเลือดญี่ปุ่นและลงทะเบียนผ่าน สมาคมวากิวอเมริกัน

สก็อตแลนด์

แม้แต่บ้านเกิดของวัวแองกัส king of steak ก็ยังต้องหันมาเลี้ยง วากิว ด้วย บริษัท ไฮแลนด์ Wagyu ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 บริษัท ได้รับฝูงวัววากิวมา 300 ตัวและ ในเดือนกรกฎาคมปี 2013 ได้กลายเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของเนื้อ Fullblood Wagyu ในสหราชอาณาจักรเพราะมีแผนจะทำให้สกอตแลนด์ศูนย์ Wagyuของ ยุโรป.

อังกฤษ

ใน อังกฤษ มีการนำเสนอเนื้อวากิวผสมเมื่อปี 2011 โดยใช้โคพันธุ์ Holstein :ซึ่งเป็นโคนมจากยอร์คเชียร์ และนำน้ำอสุจิ Wagyuมาผสม ทำให้ได้เนื้อราคาไม่แพงมาก และยังได้ลายหินอ่อนน้อยลงตรงตามที่ตลาดคนอังกฤษคุ้นเคย

เยอรมัน

ในเดือนมิถุนายนปี 2014, Aldi ,supermaerket ชื่อดังในเยอรมันแนะนำ Wagyu สเต็กโดยทุกร้านมีจำกัดแค่ 50 ชิ้นสเต็ก ในราคาที่ดีมากคือ 400บาท สำหรับ 8 ออนซ์ (225 กรัม) เป็น เนื้อสันนอกและซี่โครง " อย่าง ไรก็ตาม Wagyu Aldi เป็นเนื้อวัวจากนิวซีแลนด์ที่เลี้ยงด้วยหญ้าคือวัวได้เดินเตร่มากขึ้นตามบรรทัดฐานสวัสดิภาพสัตว์ของนิวซีแลนด์ ดังนั้นกล้ามเนื้อจะเยอะกว่าและลายหินอ่อนจะน้อยกว่าอย่างแน่นอน (วัวญี่ปุ่น "คุมขังอยู่ในคอกขนาดเล็กและได้รับอาหารพลังงานสูงมาก ")

My other food&Travel site

(Trips&Tastes blog)

#1 

http://khunpusit.wix.com/tripsandtastes

 

#2

The content of both sites will be updated regularly 5 times a week

 

#3

Please leave your mail address or add us to your social network page

bottom of page