top of page

เที่ยวเขต Lombardia part I

..."สำหรับนั่งเวลาโกรธ ต้อง "Mad collection" เลือกเอาระหว่าง Mad chairกับ Mad Chaise Lounge ออกแบบโดย Marcel Wanders ให้ร้าน Poliform...."

เมื่อพูดถึงเขตลอมบาเดียก็ต้องนึกถึงมิลานแล้วเมื่อพูดถึงมิลานเรานึกถึงอะไร? กันบ้าง มาคราวนี้ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศต้องขอให้โอกาสหัวข้ออื่นก่อนบ้างนอกจากเรื่องเที่ยวและกิน(ซึ่งจะเอาไว้พูดถึงตอนต่อไป) ผมว่าอาจจะมีถึง 50%เลยทีเดียวทึ่จะตอบคำถามนั้นว่า...คิดถึงเรื่องdesignหรือการออกแบบจากมิลาน ใช่แล้วครับในครั้งนี้เราจะขอพูดถึง 'good tastes great design' from Milan ถามว่าออกนอกเรื่อง Trips and Tastesหรือเปล่า ก็ไม่เชิงครับ เพราะคำว่าTastes มันก็หมายถึงเรื่อง'รสนิยม'ได้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการต้องชิมเสมอไป

เฟอร์นิเจอร์จากมิลาน

นอกเหนือจากสถานะของการเป็นผู้นำด้านแฟชั่นระดับแนวหน้าแล้วมิลานแห่งนี้ยังคงนำหน้าด้านการออกแบบผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก ตั้งแต่ปี 1950เมืองนี้มีแบรนด์เฟอร์นิเจอร์นับไม่ถ้วนเนื่องจากความมีพรสวรรค์ของdesignerและการออกแบบที่สดใหม่ผนวกกับความรู้ในงานศิลปะที่อยู่ในสายเลือดชาวอิตาเลียนที่ปลูกฝังกันมาตั้งแต่สมัย Renaissanceเกิดเป็นการออกแบบสร้างสรรค์ที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งภายในแบบร่วมสมัย จริงอยู่บางคนอาจจะเถียงว่าการออกแบบแบบสมัยใหม่นั้นมีที่มาจากแถบสแกนดิเนเวียเช่นสวีเดนแต่แบรนด์ในอิตาลีก็พิสูจน์ออกมาแล้วว่าของเค้าไม่ใช่ของเลียนแบบอย่างแน่นอน จนวันนี้มิลานถือเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพสูงและอุตสาหกรรมการออกแบบตกแต่งภายใน โดยมีงานfairชื่อ Salone Internazionaledel mobile ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานเฟอร์นิเจอร์และงานแสดงการออกแบบระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดจัดโดย Fiera Milano ลองมาดูร้านเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำที่น่ารู้จัก และมีชื่อมีดังนี้

ร้าน Moroso

โดดเด่นด้านโซฟาเก้าอี้และhome accessories ของแต่งบ้านปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ Patrizia Moroso ลูกสาวของผู้ก่อตั้ง บริษัทได้ร่วมมือกับนักออกแบบสร้างสรรค์เช่น Ron Arad, Marc Newson และ Patricia Urquiola ซึ่งมาช่วยกันผลักดัน Moroso เข้าไปในดินแดนของการออกแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น วันนี้มีชื่อเสียงมากในตะวันออกกลางโดยเฉพาะในวังของชีคเจ้าผู้ครองนครผู้มีรสนิยม

SOFA ที่มี่ชื่อรุ่นว่า‘Love me tender”ออกแบบโดย Patricia Urquiola

ร้าน De Padova

ร้านDe Padovaคือร้านที่นักออกแบบชาวอเมริกันที่ชื่อGeorge Nelson เรียกว่า "most beautiful store in the world ร้านที่สวยงามที่สุดในโลก" Fernando และ Maddalena De Padova เริ่มธุรกิจด้วยการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากสแกนดิเนเวียในช่วงปี 1950 แต่ในที่สุดก็พบว่าเฟอร์นิเจอร์จากอิตาลีไม่น่าจะเป็นรองใครจึงเริ่มออกแบบพัฒนาแบรนด์เองจากนั้นมาการออกแบบที่หลากหลายสร้างชิ้นงานได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีวัตถุดิบสมัยใหม่จากทั่วโลกโดดเด่นเรื่องแนวเน้นความร่วมสมัยที่ยังคงมีรูปร่างเชิงเส้นเรียบง่ายดูไม่เทอะทะ

ร้าน Poliform

Mad chairและMad Chaise Longue ออกแบบโดย Marcel Wanders ให้ร้าน Poliform

สำหรับนั่งเวลาโกรธ ต้อง "Mad collection" 2ภาพบนนี้คือ Mad chairกับ Mad Chaise Lounge ออกแบบโดย Marcel Wanders ให้ร้าน Poliform

หากมองหาระบบ Modular เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ปรับเปลี่ยนได้ตามพื้นที่หรือขนาดของห้อง Poliformเป็นคำตอบให้กับตู้หนังสือ,เตียง, ตู้เสื้อผ้าซึ่งมีการขยายตัวตลอดเมื่อของมากขึ้นรวมถึงการตกแต่งห้องครัวเช่นกัน มีโซฟาและเก้าอี้ทันสมัย​​เพรียวบางมีความคล่องตัวและยังดูอบอุ่นหรูหรา POLTRONA FRAU

ถือเป็นต้นแบบของเก้าอี้หรือโซฟาจากอิตาลีทั้งหมดก็ว่าได้ แบรนด์นี้คือผู้สร้างชื่อเสียงให้อิตาลีอย่างแท้จริงโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังแท้ตั้งแต่เก้าอี้ในโรงละครโอเปร่าและในบ้านผู้มีฐานะดีทั่วโลกแม้แต่ที่นั่งในรถยนต์เฟอร์รารีเพราะที่นี่สร้างและกำหนดรูปแบบของเก้าอี้แบบต่างๆมาตั้งแต่ปี 1919การออกแบบ POLTRONA FRAU ได้ขยายไปเป็นคอลเลคชั่นแบบต่างๆสำหรับที่อยู่อาศัยและสำนักงานทั้งหมดผลิตขึ้นด้วยความประณีตและความชำนาญอย่างแท้จริงจากการสร้างสะสมประสบการณ์กว่า 100ปี

Rossana Orlandi

เน้นของแต่งบ้านที่เป็นaccessories เครื่องประดับตั้งอยู่ที่ Spazio diRossana Orlandi ซึ่งเป็นทั้งโรงงานและเป็นบ้านของRossana Orlandi ผู้ออกแบบเลยเพราะเธอผูกพันกับบ้านที่นี่ของเธอมีความสุขกับการออกแบบแนวคลาสสิกและการค้นพบสไตล์ใหม่ๆอยู่ที่บ้าน เวลาจัดงานนิทรรศการบางครั้งร่วมกันกับนักออกแบบเช่น Nacho Carbonell,MartinBaas และRossanaก็จัดที่นี่หากไปมิลานแล้วมีเวลาต้องไปนะครับ Spazio diRossana Orlandi ถือเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับหลากหลายเหตุผล มันเป็นส่วนหนึ่งของ Corso Como 10 ซึ่งมีร้านกาแฟร้านอาหาร ร้าน Artsyและร้านหนังสือที่โดดเด่นเรื่องศิลปะโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรื่องการถ่ายภาพและแฟชั่น ที่อยู่ก็ Via Matteo Bandello, 14-16, 20123 Milano, Italy+39 02 467 4471

Kartell ก่อตั้งขึ้นในปี 1949 โดยวิศวกรเคมี Milanese, Kartellสร้างชื่อในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์พลาสติกที่จะเป็นพวกที่ดูมีสไตล์สีสดใสและดูหนาแข็งแรงผลงานการออกแบบที่โดดเด่นเช่นPhilippe Starck’s Louis Ghost Armchair และComponibili, a chic, modular storage system, เป็นตู้ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบแยกส่วนซึ่งมีdesignใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่องที่เน้นการใช้พลาสติกเป็นวัสดุหากชอบแบรนด์นี้ปัจจุบันสามารถแวะไปชมแนวคิดและงานออกแบบได้ที่พิพิธภัณฑ์Kartell

เก้าอี้ล่องหน Philippe Starck’s Louis Ghost Armchair ที่ใครๆก็อยากได้

Fornasetti

มาถึงยี่ห้อนี้น้องสาวผมน่าจะเป็นผู้ที่มีcollectionสะสมมากที่สุดติดอันดับtop10ของประเทศไทยเลยล่ะครับมันเป็นผลงานของจิตรกร ประติมากรและนักออกแบบตกแต่งที่มีชื่อเสียงเซ็งแซ่จากมิลาน เขาคือ Piero Fornasetti ผู้ที่นำเสนอผลงานด้านการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และวัตถุอื่นๆ สำหรับบ้านที่มีลวดลายแปลกจากธรรมชาติ วันนี้ลูกชายของเขา Barnaba นั่งกุมหางเสือเพื่อกำหนดทิศทางของการออกแบบและการผลิตเป็นการทำงานสืบทอดตำนานของพ่อเขาและเน้นการออกแบบที่สดหรือเป็น "สิ่งประดิษฐ์ใหม่"ที่นำหน้าคู่แข่ง

B&B Italia

เป็นเวลาเกือบห้าสิบปี B&B Italia ได้เป็นผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัยและผลิตผลงานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของการออกแบบอิตาลีทุ่มเทให้กับการประดับเสริมชีวิตทันสมัย​​ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีความเป็นโดดเด่นเป็นอมตะไม่ซับซ้อนB&BItaliaร่วมมือกับนักออกแบบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกและสถาปนิกรวมทั้ง Marcel Wanders, Naoto Fukasawa และNicole Aebische

Arform

การมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อาจเป็นเรื่องยุ่งยากในการแบกขน บางครั้งการซื้อพวกaccessories ไปเสริมเฟอร์นิเจอร์เราที่มีอยู่แล้วน่าจะง่ายกว่าให้ลองไปดูร้านนี้ครับ ร้าน Arform ใช้เวลามากกว่า 50 ปีในการก้าวขึ้นป็นผู้นำด้าน tableware ที่โดดเด่นเพื่อใช้ในการตกแต่งบ้านของคุณ ตั้งอยู่ในถนน Via Moscova อยู่ไม่ไกลจากย่านBrera Milan เขตพื้นที่ย่านศิลปะ การdisplayที่น่าตื่นตาตื่นใจของ Arform มักได้รับการมอบความคุ้มค่าสำหรับการแวะเยี่ยมดูของที่ร้านนี้

Artform; 22 , Via Della Moscova , 20121 v. Milan +39 02 655 4691 ;

เรื่องความยอดเยี่ยมของการออกแบบจากเมืองนี้คงต้องพูดถึง2อย่างข้างล่างนี้ด้วย

รถยนต์จากมิลาน

ตามภาษาคนรักรถยนต์ผมคงต้องให้เกียรติประติมากรรมที่โดดเด่นเรื่องdesignอีกรูปแบบหนึ่งของ มิลานที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะมันคือ Alfa Romeo

รถอัลฟ่าโรมิโอนั้นเป็นรถแห่งเมื่อมิลานและโด่งดังมากในยุค75-85เครื่องหมายการค้าหรือLogoของรถอัลฟ่าโรมิโอนั้นเป็นรูปงูกินเด็กเป็นตราสัญญลักษณ์ที่เอามาจากcoat of armsหรือตราประจำเมือง มิลานนั่นเอง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์นี้ ก่อตั้งขึ้นเป็น A.L.F.A. (AnonimaFabbrica Lombarda Automobili, อังกฤษ: ลอมบาร์ดโรงงานรถยนต์มหาชน) ในวันที่ 24 มิถุนายน 1910 ในมิลานบริษัทมีส่วนร่วมในการแข่งรถตั้งแต่ปี 1911 มันเป็นรถนั่งที่มีDNAเป็นรถแข่งขับสนุกเครื่องแรงเสียงดัง ปัจจุบันมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเฟียตเฟอร์รารี่ ที่ต้องขอพูดถึงก็เพราะผู้เขียนมีความผูกพันธ์กับแบรนด์นี้เอามากๆเพราะในปี1985เคยได้เป็นเจ้าของ Alfa Romeo Guilietta 1800 สีแดงพวงมาลัยไม้ คอนโซลลายไม้และหัวเกียร์ไม้ที่ต้องขัดถูกันทุกวันให้มันเงาวับอยู่เสมอ แต่ที่อยากได้จริงๆเป็นรูปข้างล่างนี้ครับ Alfa Romeo Alfetta GTV รถที่ผมคิดว่าสวยที่สุดในช่วงยุค75-80ถ้าไม่นับพวกexotic car

Photo credit:net car show

จักรยานจากมิลาน

De Rosa frame ของภาพด้านบนนี้ถูกออกแบบ Aero dynamicโดยสำนัก Pininfarina

ไหนๆก็พูดถึงรถยนต์ของอิตาลีไปแล้วจะไม่พูดถึงจักรยานเลยก็เดี๋ยวจะถูกหาว่าไม่ส่งเสริม green policy ไม่รักสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง5-6ปีให้หลังมานี้การมาทัวร์ปั่นจักรยานเที่ยวในอิตาลีเป็นอะไรที่อินเทรนสุดๆ อากาศดีวิวสวยบรรยากาศเยี่ยมหาที่ไหนที่มีทำเลแบบนี้ยาก จึงขอนำประวัติสั้นๆของจักรยานดังของที่นี่มาให้รู้จักแต่จะขอพูดถึงแค่จักรยานจากมิลานเท่านั้น

De Rosaผู้ก่อตั้งบริษัทคือ Ugo De Rosa เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 1934 ในมิลาน, อิตาลี ก่อนที่จะกลายเป็นผู้สร้างเฟรมจักรยานสังเกตเขายังเป็นนักแข่งรถมือสมัครเล่นความรักการแข่งรถทำให้ De Rosa ศึกษาต่อด้านกลศาสตร์และวิศวกรรมที่วิทยาลัยเทคนิค และในช่วงต้นทศวรรษ 1950 เขาได้เปิดร้านร้านแรกของเขาและเริ่มการผลิตจักรยานแข่งในปี 1958 เขาได้รับการขอร้องโดยนักปั่นจักรยานที่มีชื่อเสียงเช่นRaphael Geminiani ให้สร้างจักรยานสำหรับการแข่ง Giro d'Italia ต่อจากนั้นเอง De Rosa ได้กลายมาเป็นจักรยานประจำทีม Faema เป็นทีมแรกในปี 1960 ที่ขี่เฟรม De Rosaและทีมอื่นๆที่ใช้De Rosa เช่นTbac (1964) และแม็กซ์ Majer (1967)ในปี 1973 De Rosa กลายเป็นผู้ทำเฟรมอย่างเป็นทางการและเป็นช่างสำหรับทีม Molteni ของ Merckx และเพื่อนร่วมทีมของเขาได้กวาดรางวัลเกือบทั้งหมดการแข่งขันในยุโรปที่สำคัญรวมทั้งตูร์เดอฟรองซ์, Giro d'Italia, มิลาน-ซานเรโมและรายการชิงแชมป์โลก ความร่วมมือกับ Molteni นี้ยังคงอยู่จน Merckx เกษียณอายุในปี 1978

ในปี 1981 De Rosa ทำงานเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคในการ Merckx ที่เริ่มทำบริษัทผลิตจักรยานของตัวเองในปี 1974 ฟรานเชสโมเซอร์ร่วมกับDe Rosa ทำทีม Filotex ของเขาและชนะการแข่งขันชิงแชมป์ต่างๆมากมาย

คราวหน้าจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในมิลานครับ

Visit my other Food&Travel site

Steak&Wine

(use the following link)

#1 

http://khunpusit.wix.com/steakandwine

 

#2

This site will be regular updated 3-5 times a week.

 

#3

Please subscribe using your e-mail

bottom of page