top of page

เที่ยวในเขต Piedmonte part V

...." จะยากที่สุดก็ตรงการหาเพื่อนร่วมเดินทางที่ไปด้วยกันนั่นแหละ เธอหรือเขาจำเป็นต้องหลงเสน่ห์หรือเคิลบเคิ้ลมไปกับอาหาร,ไวน์และธรรมชาติแบบrustic ของชนบทอิตาลีเหมือนๆกันถึงจะดี..."

หากคุณไม่ได้มาในช่วงเทศกาลอาหารก็สามารถรื่นรมย์กับการทำกิจกรรมculinary tour หรือทัวร์ชิมของดีในย่านLanghe(ลันเก้)ของเปียดมอนเต้ นี้ด้วยตัวเองอย่างไม่ยากเย็นนัก มันเป็นอีกดินแดนหนึ่งที่จะให้ประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมด้านอาหารและไวน์ระดับโลกโดยทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้โดยทางรถยนต์ เรียกว่าอาจใช้ที่พักแถวเมืองAlba(อาลบ้า)เป็นที่ตั้งหลักและเพลิดเพลินกับ fine food & good wineโดยขับรถเที่ยวรอบๆ ซัก 3 วันสบายๆ ง่ายๆจากกรุงเทพเราก็บินมาลงมิลานแล้วก็เช่ารถขับต่ออีก 2ชั่วโมงกว่าๆก็ถึง Alba แล้ว จะยากที่สุดก็ตรงการหาเพื่อนร่วมเดินทางที่ไปด้วยกันนั่นแหละ เธอหรือเขาจำเป็นต้องหลงเสน่ห์หรือเคิลบเคิ้ลมไปกับอาหาร,ไวน์และธรรมชาติแบบrustic ของชนบทอิตาลีเหมือนๆกันถึงจะดี ขอบอกว่าทางเหนือก็สวยไม่ได้เป็นรองทัสคานีตอนกลางสักเท่าไร

แน่นอนว่ามันต้องเป็น "An affair to...เอ๊ะไม่ใช่ต้อง "Culinary tour to remember" เพราะมันเป็นอะไรที่ใครๆก็ยอมเดินทางไกลมาจากทั่วโลกเพื่อ2กิจกรรมหลักๆนี้คือ

- เยี่ยมชมแหล่งผลิตไวน์ชั้นนำระดับโลก(ในทัศนียภาพระดับโลกเช่นเดียวกัน)และยังถือโอกาสลิ้มลองไวน์ Barolo บาโรโล่ และBarbaresco บาร์บาเรสโก้ ในบ้านเกิดของมันในขณะที่ยังมีไร่ไวน์หลากหลายและผู้ผลิตหลายร้อยค่ายอยู่รายรอบ

- เลือกทานอาหารชั้นดีในบรรยากาศอันยอดเยี่ยม อย่าลืมว่า ในย่านLangheซึ่งมีอณาเขตไม่ใหญ่มากนักแต่มีร้านอาหารที่ได้ดาว มิเชลลินถึง19แห่งซึ่งมันย่อมหมายความว่าอาหารในย่านนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

มี2เส้นทางเลือก ในการเที่ยวเพื่อชิมของดีในเขตLangheขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกไปชิมไวน์พระราชาBaroloหรือไวน์ราชินีBarbarescoก่อนกัน ผมอยากแนะนำให้ใช้วิธีเช่ารถไปตามเส้นทางที่ผมกำลังนำเสนอข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นรายละเอียดเพื่อช่วยให้คุณสามารถค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดในถิ่น Langhe และแน่นอนมีคำแนะเรื่องร้านอาหารไปด้วย

I.เส้นทาง Barbaresco Loop ดูแผนที่ด้านบนตามเส้นทางสีชมพู

ทั้ง2ทางเลือกเราจะเริ่มต้นจากเมือง Alba เมืองหลักของย่าน Langhe ที่มีเสน่ห์งดงามไม่พลุกพล่านและมีที่พักที่เยี่ยมๆให้เลือกสำหรับนักชิมทั้งหลายและบางแห่งแป็นทั้งโรงแรมและร้านอาหารชั้นดีอยู่ที่เดียวกันเลยเช่นร้านใจกลางจตุรัสที่ชื่อ Ristorante Piazza Duomo ที่ชั้นบนเป็นที่พัก(http://www.piazzaduomoalba.it/en/) Piazza Duomo, จัดให้ท่านได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารในแบบที่เป็นทางการหน่อยโดยเชฟหนวดรูปหล่อ Enrico Crippa

แต่หากท่านไม่ชอบร้านสีชมพูที่มีภาพfrescoสมัยใหม่อยู่ตามกำแพงละก็อาจเปลี่ยนเป็น Osteria dell’ Arco เพื่อลองเนื้อดิบcarne cruda (เนื้อสับที่เป็นเนื้อวัวดิบคล้าย Steak Tartar แต่ไม่มีไข่หรือเครื่องเทศ)

หรือ, Enoclub Ristorante, ซึ่งโดดเด่นไปด้วยบรรยากาศแบบห้องcaveเก็บไวน์แบบหลังคาทรงโค้งต้องสั่ง tortino di carciofi con fonduta di Parmigiano ( อาร์ติโชคราดชีสปามิจิอาโน)

อีกหนึ่งในร้านอาหารที่ดีเยี่ยมของ Alba คงจะเป็น La Libera ลาลิเบร่า ซึ่งมีไวน์ลิสที่หลากหลายเพื่อจับคู่กับอาหารท้องถิ่น Ravioli di gallina nel suo brodo (ravioli ในซุปไก่) แล้วตามด้วย capretto arrostito (ลูกหมูย่าง) หรือที่ร้าน La Piola ลาปิโอล่าใน Piazza Duomo เป็นร้านอาหารขนาดเล็กแบบใช้เมนูกระดานดำมีที่นั่งกลางแจ้งให้ลอง fritto misto Piemontese (ลูกชิ้นทอดและผักสไตล์เปียดมอนเต)

ก่อนออกจาก Alba ไหนๆมาถึงถิ่นแล้วก็อย่าลืมแวะซื้อเห็ดทรุฟเฟิลที่ร้าน Tartufi Ponzio (www.tartufiponzio.com)จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปยังเมือง Treiso ทีโซ ที่ตั้งของไร่องุ่นและแหล่งผู้ผลิตหลายค่ายที่แต่ชุมชนเมืองนี้โดดเด่นไปด้วยพื้นที่ๆมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลใช้เป็นไร่ที่ผลิต Barbaresco มีวิวทิวทัศน์ในมุมกว้างที่งดงาม ขับตามถนนเส้นโค้งขึ้นไปตามแนวสันเขาที่เปิดโล่งจะเป็นภาพไร่องุ่นแบบสุดสายตาแบบอินฟินีตี้

หากต้องการนั่งชมวิวแบบนี้และทานอาหารชั้นดีไปด้วยคุณต้องไปที่ La Ciau del Tornavento (http://www.laciaudeltornavento.it) ที่นี่ยังให้บริการห้องพักที่มีเสน่ห์งดงามหันหน้ารับวิวไร่องุ่น แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วใครที่ชอบท้องถิ่นสุดๆแบบผมให้ขับออกนอกเมืองมาหน่อยแล้วมาที่นี่เลย Ada Nada Agriturismo (http://www.adanada.it/en/) เป็นแบบfarm stay สไตล์Bed & Breakfastในอิตาลีจะเรียก Agriturismo เป็นการเที่ยวชมชิมไวน์ถึงไร่ที่กำเนิดทานอาหารดีๆและนอนในบ้านสมัยศตวรรษที่ 18 พร้อมด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมิตรภาพแถมยังมีสระว่ายน้ำที่มาพร้อมวิวไร่องุ่นบนเชิงเขาหาไม่ได้ง่ายๆ

ถัดไปเป็นเมือง Neive เนเว ให้ไปทานที่ Locanda Contea ที่มีพาสต้าจานเด็ดที่ทำขึ้นด้วยมือแบบรสชาติแสนอร่อยและยังบริการห้องพักที่มีแสงแดดสาดส่องทั่วถึง

แล้วต่อไปที่เมืองชื่อเดียวกับไวน์ก็คือ Barbaresco ก่อนวกกลับไปที่ Alba เมื่อมาถึงที่ก็ควรถือโอกาสขึ้นไปชมวิวบนหอคอยTower Barbaresco ที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวของไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงเช่น Martinenga, Asili, Rabajà และ Ovello ได้

การเที่ยวในแถบนี้ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้นทัวร์ท่องเที่ยวไร่องุ่นให้ลองติดต่อผู้จัดทัวร์เช่น Tenute Cisa Asinari dei Marchesi di Grésyซึ่งจัดให้บริการลิ้มลองไวน์แต่ควรสำรองที่นั่งและถ้าต้องการสนับสนุนสหกรณ์ท้องถิ่นก็ลองติดต่อ Produttori del Barbarescoสำหรับการจัดเที่ยวชมไร่ไวน์ย่านนี้

แล้วก็อย่าลืมว่าที่นี่คือแหล่งของ Barbaresco คุณควรจัดอาหารมื้อค่ำที่ร้านในหมู่บ้านนี้ที่มักสร้างสรรค์เมนูขึ้นมาเพื่อเสริมบุคลิกของไวน์ตัวนี้เช่นที่ร้านอาหาร Ristorante Antinè ให้ลองไวน์ท้องถิ่นที่จับคู่กับเนื้อแกะย่างและหัวหอมทอดกรอบ

II.เส้นทางBarolo Loop ดูแผนที่เดียวกัน(ด้านบน)แต่ตามเส้นทางสีเขียว

จุดเริ่มต้นจากAlbaเช่นกัน (ดูแผนที่เดิมด้านบนแต่ใช้เส้นทางสีเขียว) จากนั้นมุ่งไปที่ปราสาทกรินซาเน่(Castello di Grinzane) ที่ Grinzane Cavour ก่อนเลย Camillo Benso, ท่านเคาท์ของเมือง Cavour เจ้าของปราสาทแห่งนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับโทมัสเจฟเฟอร์สันในสองด้าน อย่างแรกก็คือเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Risorgimento กระบวนการรวมชาติอิตาลีในขณะที่โทมัสนั้นรวมชาติอเมริกาประการที่สองเขาเป็นคนรักและหลงไหลไวน์ชั้นดี

ปราสาท กรินซาเน่

ในวันนี้ปราสาทที่เมือง Grinzane Cavour เปรียบเหมือนประตูเกตเวย์ที่นำไปสู่ Langhe ดินแดนแห่งไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงนั่นคือ Barolo Crus ที่ปราสาทมีแหล่งรวมของดีของภูมิภาคชื่อ Piedmontese Enoteca ที่รวมของไวน์,เนยแข็งและเห็ดทรัฟเฟิล นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์และร้านอาหารที่ดีเยี่ยม

ไม่ไกลนักจากประตูของปราสาทอยากแนะนำโรงแรมสวยๆระดับ4ดาวเป็นทางเลือกหากมาเที่ยวชิมไวน์แถวนี้ Hotel Casa Pavesi ซึ่งจัดให้บริการห้องพักที่การตกแต่งมีรสนิยมแบบมีกลิ่นอายของท้องถิ่นมากๆ

และถ้าบอกว่าปราสาทกรินซาเน่เป็นตัวแทนด้านประวัติศาตร์และความเก่าแก่ของไวน์ Barolo ตัวแทนด้านความทันสมัยแบบงานศิลปะสมัยใหม่ของไวน์ตัวนี้คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Cubo Il ที่อยู่ที่โรงผลิตเหล้าองุ่น Rocche Bricco ของ Ceretto

หากจะเที่ยวชิมชมโรงผลิตไวน์แบบบูติคที่ดำเนินการในแบบครอบครัวใน Barolo เราควรทำการจองทัวร์ที่จัดเที่ยวชิมไวน์ล่วงหน้าไว้ก่อน

ทัวร์ชิมไวน์มักพาไป Pio Cesare ซึ่งโดดเด่นไปด้วยห้องเก็บไวน์ที่เก่าแก่มากที่สุดใน Piedmonte ไร่องุ่น Marchesi di Barolo ที่ได้มีการพัฒนาศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งสามารถรองรับผู้ใช้บริการมากกว่า 40,000 คนต่อปี, ค่ายDamilano มีร้านไวน์ที่ดีเยี่ยมและ ค่ายRenato Ratti มีพิพิธภัณฑ์ไวน์ที่น่าสนใจ ส่วนค่ายFontana fredda นั้นอดีตเคยมีสำนักงานอยู่ในพระราชวังของอดีตราชวงศ์ Savoyเลยเชียว

จาก Grinzane Cavour ให้ขับตามป้ายบอกเส้นทางไปเมือง La Morra เพื่อไปลองร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดใน Langhe ซึ่งตั้งอยู่บนถนนที่คดเคี้ยวหน่อยเพราะร้านอยู่บนริมผาบนเขามีวิวทิวทัศน์ที่กว้างไกลเห็นไปถึงเทือกเขา Alps มันคือร้าน Ristorante Bovio ที่โดดเด่นด้วยพาสต้าในแบบhomemade ซึ่งใครลองแล้วไม่อาจลืมได้เมนูจานนี้คือ Raviolini del plin ราวิโอลียัดไส้ด้วยเนื้อสับขนาดพอดีคำ และในเมนคอร์สน่าจะลอง brasato di manzo al Barolo (เนื้อตุ๋นใน Barolo ไวน์)

หากไม่ต้องการแบบหรูหรามากให้ไปที่ Osteria dei Vignaioli เสิร์ฟอาหารอันเป็นที่ชื่นชอบของคนท้องถิ่น

เมือง La Morra นั้นอยู่บนพื้นที่สูง 1,600 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล จึงมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามโดยเฉพาะที่จัตุรัสคาสเตโล Piazza Castello แต่ถ้าชอบออกไปนอนนอกเมืองแบบสไตล์all in one resortที่มีอาหารดีๆไวน์และที่พักดีๆแถมมี cooking course สอนทำอาหารจานเด็ดด้วยแล้วต้องไปที่นี่ครับ Palas Cerequio Barolo Cru Resort มันแทบจะสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง (http://www.palascerequio.it)

ถัดไปคือเมืองที่ชื่อเดียวกับไวน์ Barolo Town เพื่อไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือที่ Wine Museum ตั้งอยู่ในอาคารทรงปราสาทยุคเรเนอซองซ์ Castello di Barolo ได้รับการออกแบบมาโดยคนที่สร้างพิพิธภัณฑ์โรงภาพยนตร์ในTurin ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมดาเกี่ยวกับการจัดแสดงนิทรรศการที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเพลง, แสงสีให้สัมผัสของการทัวร์แห่งสุนทรียภาพเหมือนการได้ชิม Barolo ไวน์ ทัวร์จะสิ้นสุดลงใน Cellars ในพิพิธภัณฑ์ของปราสาท สถานที่ซึ่งท่านสามารถลิ้มลองรสชาติไวน์ที่หลากหลายได้ที่ Enoteca Regionale del Barolo

เมืองต่อไปคือ Monforte d’Alba ยังคงเป็นอีกหนึ่งปลายทางสำหรับอาหารและไวน์ในแบบซึ่งไม่สามารถลืมเลือนได้ เมืองที่สวยงามแห่งนี้ไม่เป็นรองในด้านทางเลือกที่แสนยั่วยวนในแง่อาหารการกินและการนอน ผมแนะนำโรงแรมมาพร้อมร้านอาหารที่ชื่อ Da Felicin (http://www.felicin.it)ที่นี่ตกแต่งอย่างงดงามมันเป็นคฤหาสน์เฟรสโกที่อยู่ในสวนและมีวิวจากมุมสูงในสไตล์hilltown เหมือนในทัสคานี

สำหรับท่านที่ชอบความแปลกอยากอยู่ในโรงแรมที่เอาบ้านโบราณในยุคกลางมาแต่งให้เป็นโรงแรมก็ต้องไปที่ Le Case della Saracca ถ้าต้องการอยู่หรูในสไตล์วิลล่าต้องที่ Hotel Villa Beccaris ร้านอาหารของเมืองนี้ก็Trattoria della Posta นำเสนอ vitello tonnato(เนื้อลูกวัวที่ปรุงใน tonnata เกลือและเสิร์ฟกับครีมซอสทูน่า)

เมืองสุดท้ายบนเส้นทางนี้ที่น่าสนใจคงเป็น Castiglione Falletto ซึ่งถ้าคุณชอบการพักผ่อนที่มีบริการสปาด้วยนอกเหนือจากไวน์ Barolo อาหารและที่พัก ที่นี่ Il Boscareto Resort & Spa (http://www.ilboscaretoresort.it/)

ถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้โดยผู้ผลิต Barolo รายหนึ่ง Beni di Batasiolo เป็นที่พักระดับ 5 ดาวใน Langhe โรงแรมจัดให้บริการส่วนอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งหมดที่ทันสมัยสปาและร้านอาหารที่ดีเยี่ยมพร้อมทัศนียภาพที่งดงามแบบชนบทที่สงบเงียบ

และทริปที่น่าประทับใจนี้ก็คงเป็นบทสรุปที่สมบรูณ์แบบของการเที่ยวไปในเขต Piedmonte คราวหน้าเราไปมิลานกันครับ Buon Appetito!

Credit photo: photobucket.com/albums/aa432/murphe777/55FAC217-A943-4611-BB6A-0517B729B6BF.jpg ,langamedievale.it,felicin.it ,langhe.net,menuaporter.net

Visit my other Food&Travel site

Steak&Wine

(use the following link)

#1 

http://khunpusit.wix.com/steakandwine

 

#2

This site will be regular updated 3-5 times a week.

 

#3

Please subscribe using your e-mail

bottom of page