เที่ยวเขตคัมปาเนียต่อ (หลังจากอมาลฟี่)
..".ในการต่อสู้แม้จะแพ้แล้วก็จะไม่ถูกบังคับให้ถอดหน้ากากออกเพราะหลายๆครั้ง gladiator ก็อาจจะมาจากค่ายเดียวกันฝึกซ้อมมาด้วยกันเป็นเพื่อนกัน การที่ได้เห็นหน้าเพื่อนแล้วต้องลงมือโดยเฉพาะในดาบสุดท้ายที่จะปลิดชีวิตหลังจากจักรพรรดิชูนิ้วโป้งนั้นมันยากเกินไป..."
ในกรณีที่เราขับมาจากโรมแล้วตรงไปโซเรนโต้เลยเพื่อเก็บประสบการณ์การขับรถลัดเลาะไปตามริมฝั่ง อมาลฟี่รับทัศนียภาพสายลมและแสงแดดที่ไม่มีที่ไหนเหมือนตามที่ผมพูดถึงไปก่อนหน้านี้ หากว่าเราไม่รีบร้อนกลับกรุงโรมไหนๆมาแล้วเราก็มีทางเลือกที่จะแวะเที่ยวเขตคัมปาเนียต่อ โดยอาจค้างนาโปลีสักคืนนึง หรือ หากสนใจโบราณสถาน เราก็สามารถแวะเที่่ยวเมืองโบราณแถบนี้ได้เพื่อให้ได้ประจักษ์กับอารยธรรมความเจริญในสมัย2000กว่าปีก่อนที่ภูเขาไฟวิซูวิโอได้ระเบิดขึ้นบนพื้นที่แถบนี้
I.เที่ยวนาโปลีหรือเนเปิล
นาโปลีก็คือเมืองหลวงของเขตปกครองคัมปาเนีย Campania ที่อยู่ต่อจากเขตลาซิโอลงไปทางใต้ทอดไปตามชายฝั่งตะวันตกซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามมากโดยเฉพาะชายฝั่งอาลมาฟี่ มันถือเป็นหัวเมืองใหญ่ในภาคใต้ของอิตาลีที่แท้จริง นอกจากเป็นเมืองท่าแล้วแถบนี้เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศอิตาลี ที่บรรพบุรุษทำมาค้าขายตั้งหลักลงรากฐานเป็นถิ่นที่อยู่มากว่า 2,000 ปีแล้ว มันมีประวัติมากมายที่เกี่ยวข้องกับอาหารอิตาเลียนของปัจจุบันนี้
cr.pic.from:pixabay
นาโปลี Napoli เป็นเมืองที่น่าทึ่งอยู่ในตัวมันเองแต่มันก็มีความวุ่นวายตามภาษาเมืองใหญ่เนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือทำให้มีคนจากอาฟริกาตอนเหนือขึ้นมาหางานทำเยอะ แต่มันก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบยิ่งเข้าไปเดินตามตลาดเราก็จะเพลินได้กับstreet foodหลากหลาย แต่ต้องระวังกระเป๋าตงค์ให้ดีเพราะมันพลุกพล่านชุลมุนพอควร ผมเลยคิดว่าเราจะเข้าไปในนาโปลีเพียงแค่ลิ้มลองพิซซ่าซึ่งที่นี่ถือเป็นบ้านเกิดพิซซ่าในแบบฉบับปัจจุบันของอิตาลีอย่างแท้จริง และหลังจากชิมพิซซ่าแล้วผมก็ขอแนะนำให้ไปเที่ยวที่เหล่านี้ครับ (อ่านแนะนำร้านพิซซ่าในนาโปลีได้ในตอนต่อไป 'กินดื่มในกัมปาเนีย ')
1.พิพิธภัณฑ์ด้านโบราณสถานแห่งชาติ National Archaeological Museum
เป็นที่รวมของศิลปและโบราณวัตถุจากเมืองโบราณอย่าง Pompeii,Herculaneum เมื่อมีการขุดเจอของมีค่ามากมายไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะโปราณหรือเครื่องใช้ภาชนะหม้อไหจานชามโบราณจะถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่ และรวมถึงผลงาน masterpiece เช่น Farnese Bull, Artemis of Ephesus, และภาพ frescoes ที่จากเมืองโบราณในย่านนี้ และถ้าท่านโชคดีจะมีงานศิลปะที่เป็นแบบ erotic จาก Pompeii และ Herculaneum ที่ห้อง Gabinetto Segreto อาจเปิดให้ชม (แต่ควรเช็คล่วงหน้าก่อน)
2. พิพิธภัณฑ์ Capodimonte คาโปดิมอนเต้
cr.pic.from:wikimedia.org
ใครจะไปนึกว่าพิพิธภัณฑ์ระดับแนวหน้าของอิตาลีที่เป็นที่รวมของผลงานระดับปรมาจารย์ เช่น Caravaggio, Raphael, Michelangelo, Botticelli, Titian, Bellini, El Greco, Artemisia Gentileschi จะอยู่ที่เนเปิล ผู้รักงานศิลปะบอกว่าถ้าที่นี่จะเป็นรองละก็เป็นรองแค่พิพิธภัณฑ์ Uffizi ที่สุดของศูนย์รวมงานศิลปะยุคเรอเนซองที่ฟลอเรนซ์เท่านั้น
3.โบสถ์ Cappello Sansevero คัปเปลโล ซานเซเวโร
โบสถ์แบบบาโร๊คสร้างในศตวรรษที่ 16 ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นแกะสลักแบบบาโร๊คของศตวรรษที่ 18 สำหรับผลงานเด่นของที่นี่คือของ Giuseppe Sanmartino ชื่อว่า Veiled Christ ที่สร้างความตะลึงให้กับทุกคนที่เห็นแบบไม่เชื่อว่าGiuseppeทำหินอ่อนให้กลายเป็นผ้าห่อหุ้มร่างของพระคริสต์ซึ่งดูพริ้วเหมือนจริงแบบสุดๆได้ไง เขาใช้เวลาถึง10ปีในการสร้างผลงานชิ้นนี้ตั้งแต่ปี1753 ที่นี่ยังมีภาพเฟสโกที่น่าทึ่งและการแสดงเกี่ยวกับ anatomy ของร่างกายมนุษย์ที่จัดทำสำหรับแสดงมาตั้งแต่สมัย 300 ปีก่อน เป็นโบสถ์ที่น่าสนใจทีดียวครับ
cr.pic.from:museosansevero.it
II. เที่ยวเมืองโรมันโบราณ
มาถึงตรงนี้แล้วเราสามารถใช้เมืองนาโปลีเป็นฐาน(base) แล้วก็ไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับกับหัวเมืองโบราณต่อไปนี้ก่อนกลับมาทานมื้อค่ำในนาโปลี ผมคิดว่าท่านคงเคยดูภาพยนตร์เกี่ยวกับยุคโรมันแน่นอนและเคยเห็นในหนังที่พยายามถ่ายทอดความมีอารยธรรมของยุคโรมันออกมา แบบไม่น่าเชื่อว่า 2,000ปีก่อนนั้นมันเจริญได้อย่างน่าทึ่งควรไปเที่ยว1หรือ2เมืองต่อไปนี้นะครับ
Pompeii ปอมเปอี
ถนนvia di Mercurio ในปอมเปอีที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟวิซูวิโอ Photo by Carlo Mirante
ถ้าท่านเคยคิดว่าวิชาโบราณคดีมันน่าเบื่อไม่น่าสนใจท่านจะต้องคิดใหม่หลังจากได้ไปทัศนศึกษาที่เมืองโบราณที่ชื่อปอมเปอี มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเรียนรู้ว่าชาวโรมันมีชีวิตอยู่กันยังไง เพราะการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียสมันเหมือนเป็นการหยุดเวลาของเหตุการณ์ในวันนั้นเอาไว้ ปอมเปอีเป็นเมืองท่าใหญ่และเป็นเมืองแห่งการค้าขายในยุคโรมัน และแน่นอนว่าสถานที่เริงรมย์ที่มีไว้สำหรับต้อนรับกลาสีเรือที่ต้องอยู่ในทะเลนานๆนั้นย่อมต้องมีให้เห็นไม่ต่างกับยุคปัจจุบันเช่น ย่านโคมแดงหรือโรงนวดหลังจากใช้บริการสปาทำให้นักเดินเรือจากกรีกหรืออาฟริกาที่มาค้าขายที่นี่ไม่มีใครอยากกลับบ้าน ที่นี่ยังมีส่วนที่ เหลืออยู่ของโรงละคร,สนามกีฬา,บ้านคนจนคนรวย,ร้านค้า,ร้านอาหาร ที่เดินพอเพลิน อาจร้อนหน่อยในช่วงหน้าร้อนแต่คุ้มค่านะครับ แน่นอนว่ามันเป็นมรดกโลก(UNESCO World Heritage Site) วิธีไปจากเนเปิลก็ให้ไปที่จัตุรัสPiazza Esedra เพื่อขึ้นรถบัสหรือขึ้นรถไฟสายCircumvesuvianaไปลงที่Pompeii Scavi stopแล้วเดินต่อไปไม่ไกล
Herculaneum เฮคูเลเนียม
cr.pic.from:bonnieadams
เช่นเดียวกับปอมเปอีเมืองเฮอคูเลเนียมซึ่งอยู่ไม่ไกลกันก็ถูกทำลายโดยภูเขาไฟวิซูเวียสในปีค.ศ.79 มันเป็นเหมือนปอมเปอีเป็นเมืองพี่และที่นี่เป็นเมืองน้องเพราะเล็กกว่าและที่นี่ความเสียหายน้อยกว่าเพราะส่วนที่เป็นไม้เป็นโครงบ้านหลังคาบ้านเตียงยังเป็นรูปเป็นร่างอยู่และบ้านหลายหลังก็หรูหราอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับคนที่เคยไปปอมเปอีแล้วก็ควรมาที่นี่แทนสำหรับการไปเช้าเย็นกลับจากเนเปิลหรือซอเรนโตสามารถขึ้นรถไฟสาย Circumvesuviana ไปลงที่ Erculano Scavi
Vesuvius วิซูเวียส
Photo by Justin Ennis
สาเหตุของทุกข้อดีข้อเสียในบริเวณอ่าวเนเปิลก็น่าจะเป็นภูเขาไฟวิซูวิโอนี่แหละครับ ข้อเสียก็คงเป็นเพราะมันเกิดระเบิดขึ้นในปี 79 AD ทำให้เราไม่มีเมืองโบราณสวยๆหลายแห่งในย่านนี้ให้ดูแบบสมบูรณ์กว่านี้ ในขณะที่ข้อดีของมันก็คือหลังจากที่ระเบิดที่ดินแถวนี้มันกลายเป็นดินดี fertile landเหมาะกับการเพาะปลูกที่ให้ลูกให้ผลออกมาดี ปัจจุบันVesuvio วิซูวิโอ(อ่านแบบอิตาเลียน)เป็นภูเขาไฟที่ถือว่ายังไม่ดับอยู่ลูกเดียวในยุโรปที่เป็นแผ่นดินใหญ่แต่มันก็หลับไหลไปตั้งแต่ปี 1944เราสามาถเดินแบบhiking ขึ้นไปดูวิวบนยอดเขาได้ก็ประมาณ4,000ฟุตเดินประมาณ30นาทีคือเราสามารถเรียกรถแท็กซี่หรือขึ้นรถบัสไปให้ใกล้กับยอดเขา ต้องบอกว่าวิวของอ่าวเนเปิลนั้นไม่ธรรมดาเลยครับถ้าชอบออกกำลังละก็แนะนำครับ แต่ถ้าชอบตื่นเต้นกว่านั้นเราสามารถซื้อทัวร์เข้าไปในปล่องภูเขาไฟได้ด้วยถ้าคุณชอบธรณีวิทยาก็สามารถขึ้นรถไฟสาย Circumvesuviana ไปลงที่สถานี Ercolanoได้เลย
Paestum เปสตุม
Paestum เปสตุม เมืองโบราณของกรีซบนชายฝั่งทะเลไทเรเนียนใน Magna Graecia. Photo credit wikipedia
อย่าลืมว่าคาบสมุทรอิตาลีแห่งนี้มีความเจริญมาถึงก่อนยุคของโรมันโดยเฉพาะทางใต้และที่ทางใต้ของเมืองซาเลโน เราจะได้พบกับเมืองกรีกโบราณที่มีการเก็บคงสภาพกันไว้ดีที่สุดในอิตาลีแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะวัด Hera II(เทพแห่งผู้หญิงและการแต่งงานthe goddess of women and marriage)เมืองPaestumสร้างมาตั้งแต่สมัย 600 B.C. โดยกรีกและถูกยึดเป็นของโรมันในปี 273 B.C. วิธีไปจากนาโปลีก็ขึ้นรถไฟไปที่สถานี Stazione di Paestumแล้วเดินต่ออีก15นาที
Caserta คาแซต้า
cr.pic.from:amazonaws พระราชวัง Casertaของราชวงศ์บรูบองของฝรั่งเศสที่สง่างามดังพระราชวังแวร์ซายย์
ที่นี่ไม่ใช่เมืองโบราณแต่เป็นDay trip ที่น่าสนใจที่สามารถไปชมควบคู่กับเมืองโบราณCapuaได้ อยู่ทางเหนือของนาโปลี เมือง Caserta มีชื่อเสียงมากกับพระราชวังของราชวงศ์บรูบองของฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 18ที่ฝรั่งเศสมาได้ครองคัมปาเนีย และแน่นอนว่ามันมีส่วนคล้ายกับพระราชวังแวร์ซายย์โดยเฉพาะในสวนแบบฝรั่งเศสและวังแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้วThe Royal Palace is a UNESCO World Heritage Site สามารถขึ้นรถไฟจากเนเปิลไปลงที่สถานีCaserta ได้เลยและรถไฟสายนี้ยังจอดที่เมือง Capuaซึ่งถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์โรมันที่ควรไปแวะด้วย
Capua คาปัว
เมืองโบราณยุคโรมันเป็นหัวเมืองหลักของคัมปานีอาเชื่อมกับโรมด้วยถนน via Appia. Capua ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเมืองSanta Maria Capua Vetereเคยเป็นเมืองของพวกEtruscan แต่ภายหลังถูกโรมันยึดได้ และที่นี่คือเมืองที่มีเริ่องราวมากมายโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับนักรบgladiatorเพราะที่นี่คือสังเวียนการต่อสู้ของเหล่านักรบเพื่อชีวิตที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ2ของอิตาลีปัจจุบันถ้าท่านไปก็จะยังได้ชมส่วนที่เหลืออยู่ของamphitheater(โรงละครหรือสนามกีฬากลางแจ้ง)แห่งนี้ และสำหรับแฟนภาพยนต์โรมันตัวจริงคงต้องรู้จักเรื่องราวของSpartacus สุดยอดgladiatorผู้ท้าท้ายอำนาจของกรุงโรมซึ่งในปี73BC. เขาเป็นผู้นำพวกทาสและนักรบgladiatorอีกหลายคนปลดแอกก่อกบฎเลิกอยู่ภายใต้การกดขี่ของทหารโรมันหนีออกไปจากคาปัวและใช้วิธีสู้กับกองทัพโรมันแบบกองโจรซุ่มโจมตีแต่ในที่สุดก็โดนรุกหนักจนต้องพาคาราวานหนีไปอยู่บนภูเขาไฟวิโซวิโอเลยถูกกองทัพโรมันล้อมไม่มีอาหารกินหมดกำลังและแพ้ไปในที่สุดก็เลยทำให้มีพิพิธภัณฑ์gladiatorอยู่ที่นี่เพื่อคงไว้ซึ่งเรื่องราวที่เป็นความจริงของคนกลุ่มหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ได้เพราะการต่อสู้อย่างแท้จริง
Gladiator
gladiator (มาจากภาษาลาตินแปลว่ามือดาบ "swordsman"จากคำว่าgladiusดาบ"sword") ในสมัยจักรวรรดิโรมัน พวกนี้ก็คือทาสที่มาจากเมืองขึ้นของจักรวรรดิโรมัน เนื่องจากโรมมีการรุกขยายอาณาเขตต่อเนื่อง ทหารหรือนักรบของข้าศึกถ้าไม่ตายเสียก่อนก็จะถูกจับมาเป็นเชลยขังไว้หรือขายเป็นทาสเพื่อจะเอามาเป็นgladiator พวกที่ถูกซื้อไปมักจะโดนซื้อโดยค่ายฝึก gladiatorนั่นแหละเหมือนค่ายมวยที่เอาไปฝึกแล้วเอากลับมาสู้กับค่ายอื่นๆเพื่อเอาเงินพนันหรือรางวัลเพราะในสมัยนั้นความที่โรมเป็นเมืองของจักรพรรดิที่ต้องการเสียงประชาชนสนับสนุนตัวเองไม่ต่างไปจากนักการเมืองปัจจุบันก็ต้องหาวิธี entertainชาวเมืองโรมด้วยการจัดแสดงการต่อสู้ในรูปแบบต่างๆเช่นgladiatorกับสัตว์ที่มาจากแอฟริกาเช่นสิงโต หรือgladiatorสู้กับทหารโรมัน (แต่แอบขี้โกงคือจะใช้ทหารโรมันเยอะกว่าและให้อาวุธครบมือกว่า)เพื่อโชว์ว่าทหารของโรมนั้นยิ่งใหญ่ที่สุดเวลาไปรบชาวบ้านจะได้นึกภาพออกและให้การสนับสนุนทหารและการออกไปรบหรือgladiatorค่ายหนึ่งสู้กับอีกค่ายหนึ่ง คนที่ชนะก็อยู่ต่อไปจนถึงไฟล์ทหน้าแต่คนแพ้มักจะตายจะรอดได้ต่อเมื่อสู้ได้ชนะใจคนดูและจักรพรรดิชูนิ้วโป้งขึ้นตามเสียงของคนดูกึกก้องสนามกีฬาหากไม่ประทับใจคนดูจะโห่ไล่และให้สัญญาณจักรพรรดิให้ชูนิ้วโป้งลงดินหมายถึงให้ผู้ชนะฆ่าทิ้งเสียแต่gladiatorก็อาจมาจากชาวโรมันหรือคนอีทรุสคันEtruscanจากถิ่นต่างๆที่ชอบการต่อสู้เพื่อเงินรางวัลและสมัครเข้ามาแข่งโดยไม่มีค่ายก็ได้สนามArena สำหรับการต่อสู้มีอยู่หลายแห่งแต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น Colosseum หรือ Coliseum ของกรุงโรมที่สร้างตั้งแต่สมัยจักรพรรดิ Vespasian ต่อสมัยลูกของท่านคือ Titus ในช่วงปี 70-80 AD ที่นี่สามารถจุคนได้ 50,000 ถึง80,000 คนดู และโดยเฉลี่ยอยู่ที่65,000 ผู้ชม ตามด้วยสนามกีฬากลางแจ้งที่เมืองคาปัวทางใต้ไกล้เมืองนาโปลี
ท่านทราบหรือไม่ว่า
Gladiatorนั้นมักจะต้องสวมหมวกโลหะหรือหน้ากากในการต่อสู้แม้จะแพ้แล้วก็จะไม่ถูกบังคับให้ถอดหน้ากากออกเพราะหลายๆครั้ง gladiator ก็อาจจะมาจากค่ายเดียวกันฝึกซ้อมมาด้วยกันเป็นเพื่อนกัน การที่ได้เห็นหน้าเพื่อนแล้วต้องลงมือโดยเฉพาะในดาบสุดท้ายที่จะปลิดชีวิตหลังจากจักรพรรดิชูนิ้วโป้งนั้นมันยากเกินไป
Gladiator มักจะถูกเลี้ยงให้อ้วนเต็มไปด้วยไขมันเหมือนซูโม่เพราะจะทนคมดาบได้นานกว่าคนผอมและในการต่อสู้ในสมัยนั้นไม่มีการจัดรุ่นตามน้ำหนักเช่น light weight ก็ต้องสู้กับ light weight ดังนั้นการทำน้ำหนักให้เยอะไว้ก็จะได้เปรียบในการต่อสู้