top of page

My Trips:San Francisco

..."ขากลับมาแวะทานอาหารอิตาเลียนแถว Sonoma County ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารอิตาเลียนที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากที่นี่มีผู้อพยพชาวอิตาเลียนได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ ตั้งแต่ปี1800กว่าๆ.."

Sideways-style wine road trip

ผมเป็นคนชอบดูหนังสไตล์ road trip เพราะเป็นคนชอบเช่ารถขับเองเที่ยวในต่างประเทศมันอิสระดี ผมเริ่มขับมานานก่อนยุคสมัยของGPS ซึ่งผมว่าสนุกกว่า เคยแบบว่าไม่มีการวางแผนปล่อยอิสระให้ค่ำที่ไหนก็นอนเมืองนั้น คล้ายกับหนังสไตล์ road trip ประเภทคุยกันไป2คนตลอดทางเจอปัญหาโน่นนี่นั่นที่เมืองนั้นเมืองนี้ และเรื่องที่มันเหมาะกับที่ผมเขียนถึงวันนี้จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ มันคือหนังเรื่อง Sideways(2004)เป็นเรื่องของชายวัยmiddle age(ช่วงcrisis)2คนที่ออกtripไปเที่ยวตามไร่ไวน์ในแคลิฟอร์เนีย ชิมไวน์เพื่อให้ลืมปัญหาที่ประสบอยู่ หนังเรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ไวน์แมโลต์Merlotได้รับความนิยมขึ้นมาทีเดียวเพราะก่อนหน้านั้นแคลิฟอร์เนียไวน์ที่ดังมักจะเป็นองุ่น Cabernet Sauvignon.

cr.pic.from:notoneoredeportation.com

San Francisco คือเมืองที่สวยและน่าอยู่ที่สุดในโลกเมืองหนึ่งที่ผมรู้จักดีเพราะเคยอยู่ที่นี่ในช่วงกลางๆของยุค80 ซึ่งตรงกับช่วงปีที่ทีมฟุตบอล49ers ของเมืองSan Francisco (SF)กำลังรุ่งโรจน์ ชนะได้ถ้วยซุปเปอร์โบล์วครั้งที่19 เสียดายที่ในช่วงนั้นผมยังไม่มีความพร้อมหรือสนใจในเรื่องกินนักทั้งๆที่อยู่เมืองที่มีสุดยอดเรื่องอาหารและไวน์มากที่สุดเมืองหนึ่งของอเมริกาและไวน์แคลิฟอร์เนียก็มีแหล่งผลิตอยู่ไม่ไกลจากSFมากนัก ซึ่งมันคือย่านNapa Valleyนั่นเอง

แต่หลังจากกลับมาเมืองไทยผมก็มีโอกาสกลับไปอีกบ่อยเหมือนกันคือถ้าได้ไปอเมริกาจะพยายามใช้เมืองนี้เป็นGatewayก่อนบินต่อไปเมืองอื่นถือโอกาสแวะเที่ยวไม่ขามาก็ขากลับอย่างน้อยสักวันสองวัน ส่วนใหญ่จะเลือกใช้สายการบินEVAพอลงสนามบินก็เช่ารถขับเข้าเมืองได้เลยถนนที่นี่ยังจำได้ดีไม่ต้องใช้GPS เพราะFreewayก็มีแค่280ไม่ก็101เหมือนเดิม

ในช่วงปี90-95 เป็นช่วงที่ไปบ่อยหน่อยโดยมักจะไปพักอยู่บ้านดร.ดิว เพื่อนOV49แถวเมืองMountain view อยู่Bay Areaตอนใต้ คนนี้เองเป็นคนทำให้ผมสนใจเรื่องการทำอาหารขึ้นมาเพราะเป็นคนทำอาหารเก่ง แต่ที่จะพูดถึงในวันนี้จะเป็นทริปที่ไปในระยะหลังนี้ครับที่มีโอกาสไปแวะเยี่ยมเพื่อนOVอีกเหมือนกันชื่อศิลา ซึ่งก็เป็นผู้รอบรู้เรื่องอาหารการกินและทำอาหารเก่งมากๆอีกคนและที่สำคัญคือเขาเป็นคนที่โตและเรียนมาตั้งแต่เด็กที่นี่เรียกว่าเป็นSF Native ยิ่งตอนที่ผมไปศิลาและภรรยาพึ่งจะซื้อบ้านในSFอยู่แถวย่านSunset ซึ่งเป็นที่น่าอิจฉามากๆสำหรับคนที่มีบ้านในเมืองที่สวยแบบนี้

แน่นอนว่าทริปนั้นเป็นอะไรที่ foodieมากศิลาพาผมไปเที่ยวNapa Valleyโดยเราได้ไปแวะwinery กันประมาณ 2-3แห่งในแถบนั้นแล้วก็ขากลับมาแวะทานอาหารอิตาเลียนแถว Sonoma County ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารอิตาเลียนที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากที่นี่มีผู้อพยพชาวอิตาเลียนได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ ตั้งแต่ปี1800กว่าๆโดยเข้ามาทำอาชีพตัดไม้และสร้างทางรถไฟแต่แน่นอนว่าพวกอิตาเลียนได้นำเอาความรู้ในการทำไวน์และการทำร้านอาหารซึ่งในที่สุดก็สร้างชื่อให้ย่านนี้เป็นอย่างมาก หากท่านมีโอกาสมาแถวนี้ ต้องซักมื้อนะครับ แต่ควรต้องไปเที่ยวNAPAชิมไวน์ตาม list ข้างล่างนี้ก่อน สำหรับระดับ Hard core ผู้ที่ซีเรียสกับwine tastingจริง มีเว็บไซด์ดังเกี่ยวกับไวน์แคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะคือ http://www.decanter.com/ แนะนำให้ไปwineryเหล่านี้ครับ

Château Montelena ($40 ต่อคนต้องทำนัดเวลาล่วงหน้าว่าคณะจะมากี่คนจะได้เวลาไหนบ้าง)

ที่นี่ดังเพราะเป็นไวน์แคลิฟอร์เนียที่สามารถไปชนะปราบไวน์ฝรั่งเศสถึงที่เลยในปี 1976 ‘Judgement of Paris’ tasting,.

Chappellet ($35-75 ต่อคนต้องทำนัดเวลาล่วงหน้าว่าคณะจะมากี่คนจะได้เวลาไหนบ้าง)

Corison Winery ($55 ต่อคนต้องทำนัดเวลาล่วงหน้าว่าคณะจะมากี่คนจะได้เวลาไหนบ้าง)

Failla Wines ($20-50 ต่อคนต้องทำนัดเวลาล่วงหน้าว่าคณะจะมากี่คนจะได้เวลาไหนบ้าง)

Mayacamas Vineyards ($75 ต่อคนต้องทำนัดเวลาล่วงหน้าว่าคณะจะมากี่คนจะได้เวลาไหนบ้าง)

แต่ถ้าท่านไม่ต้องการไปแบบที่ต้องนัดและไม่มีเวลาตระเวนไปหลายแห่งแนะนำให้เลือกแบบสถานที่ใหญ่และรู้จักกันดีไปเลยแบบชื่อข้างล่างนี้

Robert Mondavi Winery ($20-50 ต่อคนแล้วแต่โปรแกรม)

ในปี1861 Charles Krug เป็นผู้บุกเบิกไร่ไวน์เพื่อการพานิชย์เป็นคนแรกที่Napaแต่โดนซื้อไปโดยตระกูล Mondavi ในปี 1943 อยู่มาวันหนึ่งพี่น้องตระกูลนี้เกิดทะเลาะกันคือPeterและRobertจึงทำให้Robertผู้เป็นพี่แยกตัวออกไปทำเองในช่วงปี1966และเพื่อไม่ให้ซ้ำชื่อกันจึงปรับเปลี่ยนนามสกุลตัวเองจากอ่านว่า Mon- day-vi ไปเป็น Mon- dah-vi,และแล้วก็เกิดเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของไวน์ไม่ใช่แค่ระดับแคลิฟอร์เนียแต่เป็นระดับโลก ถึงขนาด Baron Philippe de Rothschild ขอมาร่วมหุ้นทำไวน์ในNapa Valley ด้วยในปี 1979. จึงเกิดไวน์ Opus One ที่ทุกคนรู้จักดีขึ้นมา แต่เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงๆไปซื้อไวน์อย่าง Mondavi’s private collection หรอกเพราะเค้าทำไวน์ทุกระดับหลายเกรดเริ่มจาก”Woodbridge ซึ่งไม่แพงและดื่มได้บ่อยๆ

ทีนี้มาถึงเรื่องร้านอาหาร ต้องบอกว่าเลือกกันไม่ถูกเพราะในย่านNapa และSonoma countyมีร้านอาหารยอดเยี่ยมเยอะมากแต่ชื่อดังที่สุดคงต้องเป็นร้านอาหารในเครือของChef Thomas Keller'sในNapa

เริ่มจาก The French Laundry เป็น Fine Dining ที่ว่ากันว่าเป็นหนี่งใน World top gourmet destinationsในราคา $250 ต่อหัวไม่รวมไวน์ซึ่งอาจจะกลายเป็น$1,000ต่อหัวได้ถ้ารวม และต้องจองกันล่วงหน้ากว่า2เดือน มีแบบ 9 courses,ซึ่งใช้เวลากินกันเกือบ 5 ชั่วโมง เอาเป็นว่าเราเลือกร้านในเครือของThomas Keller's อีกร้านดีกว่าคือBouchon Bistro, เป็นร้านแบบ French casual diningและราคาถูกลงมาในบรรยากาศแบบ Paris bistro หรือถ้าต้องการบรรยากาศกันเองที่สุดให้ไป Ad Hoc,เป็นอาหารอเมริกัน แต่เหมือนที่ชื่อร้านบ่งบอกก็คือในแต่ละวันเป็นเซ็ทเมนูให้เลือกจะเป็นad hoc คือตามใจร้านว่าวันนี้มีอะไรเราต้องเช็คกันก่อนแต่แม้ว่าวันนั้นเค้ามีรายการเป็นHamburgerเราก็ควรไปครับจะได้ชื่อว่าเคยกินอาหารของchef Thomas Keller's ในNapa แต่ถ้าชอบร้านอิตาเลียนต้อง ร้าน Bottegaของ Chef Michael Chiarello

ถ้าเป็นSonoma ให้ลอง googleชื่อร้านเหล่านี้ Bravas Bar de Tapas, Madrona Manor, Oso, Santé, Scopa และ Campo Fina cotoe แนะนำโดยhttp://www.sonomacounty.com/ หรือต้องการร้านติดดาวมิเชลแลงลองชื่อเหล่านี้Madrona Manor, Farmhouse Inn & RestaurantและTerrapin Creek Café.

หรือถ้าจะกลับเข้าเมืองไปทานในSan Franก็ได้ ผมแนะนำให้เข้าไปอ่าน Top 100 restaurantsที่จัดอันดับกันทุกปีโดยหนังสือพิมพิ์ท้องถิ่นที่ชื่อSan Francisco chronicle คอลัมน์ของ Michael Bauer ( http://projects.sfchronicle.com/2016/top-100-restaurants/ ) มีคนถามว่าทำไมไม่ทำแค่Top20 พอ เค้าบอกว่ามันไม่fairเพราะที่San Franและ Bay Area มันมีร้านที่ควรจะอยู่ในระดับTop20เป็น 100ร้านเลย!!

Visit my other Food&Travel site

Steak&Wine

(use the following link)

#1 

http://khunpusit.wix.com/steakandwine

 

#2

This site will be regular updated 3-5 times a week.

 

#3

Please subscribe using your e-mail

bottom of page